ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วันศุกร์เปิดบวกขึ้นทดสอบด่าน 1,520 จุด จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ BoE ทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่หนาแน่นอีกครั้ง กลุ่มค้าปลีก / รับเหมาฯ ขึ้นเด่น รวมถึงหุ้นหลักอื่นๆ ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX บวก 10.76 จุด มาอยู่ที่ 1,518.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,386 ล้านบาท
         
ต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 983 ล้านบาท แต่กับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 508 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 7,164 ล้านบาท  

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - ผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค. รับทั้ง 2 ข้อ
          - การขึ้น XD ของหุ้น SCC วันที่ 8 ส.ค. มูลค่า 8.50 บาท มีผลต่อ SET INDEX เท่ากับ 1.06 จุด
          - ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในเช้าวันนี้
          - S&P500 ปิดทำระดับสูงสุดใหม่ หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
          - ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนก.ค.ของจีน Bloomberg consensus คาด -3.5% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ -4.8% yoy

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลางถึงบวก
          เราให้มุมมองเป็นบวกต่อภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้ โอกาสขึ้นไปทดสอบด่าน 1,540-1,550 จุด ผลักดันด้วยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play นำโดยกลุ่มธนาคาร / ค้าปลีก / อสังหาฯ บวกกับเม็ดเงินภายในประเทศ เป็นสำคัญ หลังผลการลงประชามติวันที่ 7 ส.ค. 
          - 61.41% รับร่างรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การกรอบเวลาการเลือกตั้งในปลายปี 2560 หรือ ต้นปี 2561 ตามโรดแม็ปของ คสช.
          - 58.11% เห็นชอบในคำถามพ่วง ทำให้การออกร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องเสียเวลากับการแก้ไขในส่วนนี้ งินกู้พิเศษอีก 1.0 แสนล้านปอร์น นอกเหนือจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
          ผลดังกล่าวทำให้เราเชื่อว่า ความเชื่อมั่นประชาชนจะขยับขึ้นต่อเนื่อง และนำไปสู่การผลักดันเชิงบวกต่อกำลังซื้อภายในประเทศ และการลงทุนของภาคเอกชน ขณะเดียวกัน ความชอบธรรมของรัฐบาล ภายใต้การนำโดยนายกฯ ประยุตธ์ ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ที่ค้างการพิจารณา รวมถึงร่างกฎหมายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ตามมาจากนี้ไป เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนให้เพิ่มขึ้น
          กลยุทธ์การลงทุน “เก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก” ประเมินกรอบแกว่งวันนี้ 1,515-1,540 จุด 

Strategy of the Day          
          1. สะสม SCB : ราคาปิด 156.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
          a) MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะ Outperform ตลาด จากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ หลังการทำประชามติในวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีมติเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ส่งผลให้การเลือกตั้งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2560 และเป็นบวกโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 
          b) คาดการตั้งสำรองจะลดลงใน 2H59 เนื่องจาก Coverage Ratio สิ้น 2Q59 เพิ่มขึ้นเป็น 130% จึงเชื่อว่า SCB ไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองพิเศษในสัดส่วนสูงอีกต่อไป 
          c) มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษหากมีการขายเงินลงทุนใน SCB LIFE ให้กับพันธมิตรต่างชาติและเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 จะเติบโต +5.9% yoy เป็น 4.9 หมื่นล้านบาท และ +14.5% yoy เป็น 5.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2560          
          2. เก็งกำไร ITD : ราคาปิด 6.50 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
          a) MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะตอบรับเชิงบวก หลังการทำประชามติในวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีมติเห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ปัจจัยการเมืองมีเสถียรภาพและส่งผลบวกต่อการประมูลงานขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาต่อเนื่องตามกำหนดการณ์ที่รัฐบาลวางไว้
          b) ราคาหุ้น Laggard มาก โดย YTD -13.3% เทียบกับหุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ เช่น CK +11.2%, STEC +3.0% และ SET INDEX +17.9% 
          c) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้น หลังผ่านขั้นตอนระดับจังหวัดแล้ว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เพื่อรอส่งเรื่องให้รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมอนุมัติ และเสนอให้ครม.รับทราบเป็นลำดับถัดไป โดยคาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 3Q59 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
          ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$616 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$187 ล้าน 

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติกลับมาสะสมหุ้นไทยอีกครั้ง 
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 984 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,993 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 82,548 ล้านบาท
          แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 508 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 8,879 สัญญา คาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้กลับมาทยอยปิดสถานะ Long อีกครั้ง เพราะ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือเพียง 4.12 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.76 จุด ส่งผลให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิลดลงเหลือ 4,775 สัญญา
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีก 7,164 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้า และรวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 15,935 ล้านบาท เทียบกับ 4 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 52,034 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยลดลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ผ่านพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1.16bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.88bps ปิดที่ 2.053%

Short-Selling วานนี้ 
          เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 เป็น 985 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 811 ล้านบาท           

NVDR Movement
          NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 22 เน้นสะสมกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง และลดน้ำหนักกลุ่มธนาคารอีกครั้ง 
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 830 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 735 ล้านบาท รวม 22 วันทำการ ซื้อสุทธิทะลุ 55,000 ล้านบาท เป็น 56,124 ล้านบาท โดยคงการสะสมหุ้นหลักในกลุ่มพลังงานเป็นหลักอีก 395 ล้านบาท แต่กลับมาลดน้ำหนักกลุ่มธนาคาร 582 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นบวก 
          ยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือนก.ค. เท่ากับ 2.55 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเพียง 1.85 แสนตำแหน่ง แต่น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 2.92 แสนตำแหน่ง
          การจ้างงานภาคเอกชน เดือนก.ค. เท่ากับ 2.17 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดเพียง 1.75 แสนตำแหน่ง แต่น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 2.59 แสนตำแหน่ง 
          อัตราการว่างงานเดือนก.ค. เท่ากับ 4.9% สูงกว่า Bloomberg consensus คาด 4.8% แต่เท่ากับเดือนก่อนหน้า 
          ดุลการค้าเดือนก.ค. ขาดดุล US$4.45 หมื่นล้าน แย่กว่าที่ Bloomberg consensus คาดขาดดุล US$4.30 หมื่นล้าน และขาดดุลในอัตราเร่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ US$4.10 หมื่นล้าน โดยการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% mom ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 1.9% mom โดยเป็นการนำเข้าสินค้าทุน และอย่างยิ่งสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภค 

ยุโรป
          คำสั่งซื้อโรงงานของเยอรมันชะลอตัว: เดือนมิ.ย. หดตัว 0.4% mom สวนทางกับเดือนก่อนหน้า +0.1% mom และถือเป็นเดือนที่ 3 ที่ผลออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่ง Bloomberg consensus คาด +0.5% mom

จีน          
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          เศรษฐกิจอินโดนีเซียเติบโตดีกว่าคาดใน 2Q59: เติบโต 5.18% yoy ขณะที่ Poll Reuters คาด 5.00% yoy โดยเป็นผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัว และการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเฉลิมฉลองของชาวมุสลิมในเดือนมิ.ย. รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่เติบโตเช่นกัน
          ยอดส่งออกมาเลเซียขยายตัวสวนทางคาด: เพิ่มขึ้น 3.40% yoy ในเดือน มิ.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.8% yoy ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดลดลง 3.7% yoy ทั้งนี้การส่งออกไปยังสหรัฐฯขยายตัวเด่น 22% yoy ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.3% yoy สวนทางตลาดคาดลดลง 0.4% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลที่ระดับ 5.52 พันล้านริงกิต

ไทย
          คลังคาดเศรษฐกิจไทยโต 4% ปีนี้ หากผ่านรธน.: นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โดยประเมินว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการลงประชามติก็จะมีส่วนช่วยเสริมความเชื่อมั่นมากขึ้น และมีโอกาสจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP โตได้ถึง 4% พร้อมประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 2Q59 มีโอกาสขยายตัวได้ถึง 3.4% หลังรัฐบาลเร่งอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้แรงจากการเร่งกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวต่อเนื่องมา 5-6 ปี
          ผลลงประชามติผ่านทั้ง 2 ข้อ: ผลการนับคะแนน ณ เวลา 20.41 น. ของวันที่ 7 ส.ค. ทาง กกต. รายงานผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการล่าสุดพบว่า มีจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติถึง 58% ซึ่งถือว่ามากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติในปี 2550 ที่มีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 57 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นิ่ง และเชื่อว่าจะมียอดผู้มาใช้สิทธิมากกว่านี้ ผลที่ร้อยละ 94 ทั่วประเทศ มีผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งประเทศ 27,623,126 คน ประเด็นแรก ร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับคะแนนเห็นชอบ 15,562,027 เสียง คิดเป็นร้อยละ 61.40 ไม่เห็นชอบ 9,784,680 เสียง คิดเป็นร้อยละ 38.60 ส่วนประเด็นที่สอง คำถามพ่วงให้ ส.ว. 250 คน ที่ คสช.แต่งตั้งร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีกับ ส.ส. 500 คน ที่มาจากการเลือกตั้ง ได้รับคะแนนเห็นชอบ 13,969,594 เสียง คิดเป็นร้อยละ 58.11 ไม่เห็นชอบ 10,070,599 เสียง คิดเป็นร้อยละ 41.80 รวมบัตรดี 26,688,729 บัตรเสีย 869,043


โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 8 ส.ค. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ส.ค. 2559 เวลา : 10:28:55

18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 2:53 pm