ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 

หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
 
 
SET INDEX วานนี้แกว่ง Sideways เกือบตลอดชั่วโมงการซื้อขาย หุ้นหลัก KBANK/ SCC ยังคงโดดเด่นจากประเด็นการเพิ่มเข้าคำนวณดัชน FTSE AP ex Japan แต่ก็มีแรงขายปิดความเสี่ยงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ท้ายสุดปิดหลุด 1,540 จุดมาอยู่ที่ 1,539.71 จุด ลดลง 8.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 58,142 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติยังคงชะลอตัว แม้ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 เพียง 378 ล้านบาท แต่ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 มากถึง 5,305 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 อีก 910 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          งาน Thailand Focus เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ถึง 2 ก.ย.
          ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลง -3.45% dod มาอยู่ที่ US$43.16
          ติดตามตัวเลขการจ้างงานเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ คืนนี้ 
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า 
          ติดตามการประชุม ECB วันที่ 8 ก.ย. ตลาดคาดเพิ่มมาตรการกระตุ้น
          ติดตามเม็ดเงินจากกองทุนทั้งในและต่างประเทศ หลังเสร็จงาน Thailand Focus วันที่ 2 ก.ย.
          ติดตามรายงาน Beige Book วันที่ 8 ก.ย.

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 14)
          แม้เราเชื่อว่าการปรับดัชนี FTSE AP ex Japan และ FTSE Thailand รอบนี้ จะมีเม็ดเงินทุนต่างชาติเข้ามาปรับเพิ่มน้ำหนักในหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ ราคาปิดวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีผลบังคับใช้ดัชนีฯ รอบใหม่ก็ตาม แต่ด้วยบรรยากาศการลงทุนในเอเชียไร้ปัจจัยการลงทุนใหม่ อีกทั้งเม็ดเงินทุนต่างชาติในช่วงนี้ชะลอตัว ทำให้ SET INDEX ซึมตัวลงและมีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงต่อเนื่อง เพื่อปิด Gap ของ SET INDEX ที่ 1520-1,530 จุด 
          ปัจจัยสำคัญในวันนี้อยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศชะลอการลงทุน เพื่อรอดูตัวเลขดังกล่าว เพราะมีน้ำหนักต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ 
          - หากตัวเลขการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด ย่อมกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง SET INDEX ปรับฐานลงแรงในช่วงสั้น แนวรับ 1,520-1,530 จุด จะทำงานได้ดี
          - แต่หากออกมาใกล้เคียงคาด เชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลก และ SET INDEX จะฟื้นตัวมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบสัปดาห์หน้า เพื่อรอดูการประชุม ECB ในวันที่ 8 ก.ย. คาดว่าจะมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นในรอบนี้ 
กลยุทธ์ในภาพรวม เราแนะนำให้นักลงทุน “ทยอยสะสมหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ FTSE AP ex Japan หรือ FTSE Thailand” เพราะการปรับดัชนีรอบนี้คาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาอย่างมีนัยยะสำคัญ

Strategy of the Day
          1. เก็งกำไร KBANK : ราคาปิด 199.00 บาท ราคาเหมาะสม 206.00 บาท
          a) MBKET คาดว่าราคาหุ้นจะ Outperform ตลาด หลัง FTSE เพิ่ม KBANK เข้าสู่การคำนวณดัชนี FTSE Asia Pacific Ex Japan ซึ่งจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 16 ก.ย. ทำให้กองทุนต่างชาติที่ลงทุนโดยใช้ดัชนี FTSE เป็น Benchmark ต้องเพิ่มหุ้น KBANK เข้าสู่พอร์ตลงทุน 
          b) จะขึ้น XD ในวันที่ 6 ก.ย. หุ้นละ 0.50 บาท เป็น Momentum บวก เนื่องจากจะไม่ถูก SBL ในระยะสั้น 
          c) คาดผลประกอบการ 2H59 จะเติบโตจาก 1H59 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การตั้งสำรองเริ่มลดลง และ Valuation ไม่แพง ซื้อขายที่ PER2560 ที่ 9.1 เท่า และ PBV2560 ที่ 1.3 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี 

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$436 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$109 ล้าน 
ทั้งนี้มีเพียง SET INDEX ที่ต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2           

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงทยอยเปิด Short ใน SET50 Index Futures ต่อเนื่อง
          นักลงทุนต่างชาติ คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 แต่ลดลงเหลือ 378 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 4,564 ล้านบาท และทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิขยับขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 115,632 ล้านบาท
          แต่ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง 5,305 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 5,547 สัญญา คาดว่าจะเป็นการเร่งเปิดสถานะ Short กดดันให้ S50U16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 6.97 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 3.26 จุด ทำให้ยอด QTD นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 24,485 สัญญา   
          และตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 910 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 947 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 9,661 ล้านบาท แม้ว่าราคาพันธบัตรไทยเริ่มทรงตัวดีขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เพียง 0.54bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้นมากถึง 3.72bps ปิดที่ 2.233%

Short-Selling วานนี้ 
ลดลงเป็น 827 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 951 ล้านบาท           

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 โดยเป็นรายการ Big Lot หุ้น TRUE เป็นหลัก
          การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิสูงถึง 3,570 ล้านบาท ใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3,329 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 9,757 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับ TRUE มากถึง 2,516 ล้านบาท จากการทำ Big Lot ส่วนที่ซื้อสุทธิสูงสุด 3 ลำดับถัดไปเกี่ยวข้องกับ FTSE Index ที่ปรับรอบล่าสุดนี้

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงลบ
          - ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.63 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 2.65 แสนตำแหน่ง แต่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.61 แสนตำแหน่ง
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือนส.ค. เท่ากับ 52.0 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.9 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว เป็นสัญญาณเชิงลบสำหรับตัวเลขโดยรวมในเดือนส.ค.
          - ดัชนี ISM ภาคการผลิต เดือนส.ค. เท่ากับ 49.4 จุด ต่ำกว่า 50.0 จุด เป็นครั้งที่ 8 ในรอบ 9 เดือน และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 52.2 จุด และเดือนก่อนหน้า 52.6 จุด โดยคำสั่งซื้อใหม่ ปรับตัวลงต่ำกว่า 50 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 

ยุโรป
          นายกฯ อังกฤษกำหนดขอบเขตการรับคนอพยพในการพิจารณา Brexit: นาง May นายกฯ อังกฤษ ได้กำหนดขอบเขตแรกของการเจรจา brexit คือการกำหนดโควต้าการรับคนอพยพ หรือเป็นการสิ้นสุดการเคลื่อนย้ายคนอย่างเสรีระหว่างอังกฤษ และอียู และเป็นการยืนยันถึงเงื่อนไขการออกจากการเป็นสมาชิกด้วยอังกฤษเอง ไม่ต้องการยืนเงื่อนไขเหมือนที่นอร์เวย์หรือแคนาดา นอกจากนี้ ครม.ยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ให้รัฐสภาโหวตก่อนที่จะเปิดการเจรจา brexit อย่างเป็นทางการเริ่มต้น

จีน
          ตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค. เท่ากับ 50.4 จุด ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 49.9 จุด และดีกว่า Reuters Poll ที่คาด 49.9 จุด โดยเป็นผลผลิตโรงงานขยับขึ้นเป็น 52.6 จุด ในเดือนส.ค. จาก 52.1 จุดในเดือนก.ค. ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ ขยับเป็น 51.3 จุด จาก 50.4 จุด ในเดือนก.ค.
          - ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนส.ค. เท่ากับ 53.5 จุด ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.9 จุด โดยภาคบริการในสายการผลิต และการส่งออกยังคงอ่อนแอ่

เอเชียแปซิฟิก
          การส่งออกเกาหลีใต้ฟื้นตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 19 เดือน: การส่งออกเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.6% yoy เป็น US$4.013 หมื่นล้าน เป็นการฟื้นตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2558 และดีกว่า Reuters Poll คาด +0.6% yoy เท่านั้น โดยสินค้าสำคัญ 13 รายการส่งสัญญาณฟื้นตัว ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อีกส่วนเป็นผลจากจำนวนวันทำงานในเดือนส.ค.ที่ 24 วัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มี 22 วันทำการ 
          เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว 0.8% qoq ใน 2Q59: เป็นการปรับจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 0.7% qoq หรือขยายตัว 3.3% yoy สำหรับ 3Q59 คาดว่าเศรษฐกิจขยายตัวชะลอตัวจาก 2Q59 และทำให้ภาพรวมปีนี้เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัวได้ตามแผนที่วางไว้ 2.8%
          ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนส.ค. ในเอเชียฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอินโดนีเซีย เท่ากับ 50.4 จุด ฟื้นตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.4 จุด โดยทั้งคำสั่งซื้อใหม่ การส่งออก และผลผลิตฟื้นตัว
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตของมาเลเซีย เท่ากับ 47.4 จุด ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 48.1 จุด โดยมีการหดตัวทั้งจากผลผลิต, คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน อย่างมีนัยยะสำคัญ
          - ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเวียดนาม เท่ากับ 52.2 จุด ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.9 จุด โดยผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่ เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว การจ้างงานยังคงแข็งแกร่งสุดใน 32 เดือน ภาพรวม PMI ถือเป็นระดับที่ดีสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2558

ไทย
          เงินเฟ้อเดือนส.ค.ติดลบ mom เป็นเดือนที่ 2: ลดลง 0.04% mom จากผลกระทบของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสารที่ลดลง 0.5% mom ราคาน้ำมันขายปลีก -2.0% mom แต่ราคาในหมวดสินค้าและบริการกลับปรับตัวสูงขึ้น แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 อัตราเงินเฟ้อ +0.29% ผลักดันจากหมวดยาสูบและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 


         
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 2 ก.ย. 2559
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ย. 2559 เวลา : 10:24:58

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 11:49 pm