ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
กรมสรรพากรเชิญชวนร้านขายยาทั่วประเทศเกือบ 2 หมื่นรายเข้าระบบภาษี


 

สรรพากรจัดสัมมนาร้านขายยาแนะให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และเตรียมธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่ระบบ National e-Payment 


กรมสรรพากรเดินหน้าเชิญชวนร้านขายยาทั่วประเทศเกือบ 2 หมื่นรายเข้าระบบภาษี  แนะนำและสนับสนุนให้เปลี่ยนสถานะการประกอบการจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล  โดยมอบสิทธิประโยชน์ช่วยลดภาระภาษี แนะให้จัดทำบัญชีชุดเดียว  รวมทั้งเติมความรู้ให้พร้อมก่อนเข้าสู่ระบบ National e-Payment    

นายประสงค์  พูนธเนศ  อธิบดีกรมสรรพากร เป็นประธานในการสัมมนาเรื่อง “ธุรกิจก้าวหน้า ร้านขายยาสู่สากล” จัดโดยกรมสรรพากร เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจร้านขายยาที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์พัฒนาคุณภาพร้านยาแห่งประเทศไทย (สพย.)  ได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายของกรมสรรพากรที่ส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคล  การให้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีอากรและการจัดทำบัญชีชุดเดียวให้ถูกต้อง  เพื่อให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ  โดยจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ห้องพระอุเทน 1 ชั้น 2 อาคารกรมสรรพากร มีผู้เข้าฟังการสัมมนาประมาณ 400 คน และในงานยังได้จัดกิจกรรม“คลีนิกตอบปัญหาการจดทะเบียนนิติบุคคล” เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านขายยาที่มีข้อสงสัย สอบถามแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง    ได้อย่างเต็มที่ 

นายประสงค์  พูนธเนศ  อธิบดีกรมสรรพากร  เปิดเผยว่า “ปีนี้กรมสรรพากรเร่งขยาย   ฐานภาษีตามนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง โดยเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลเพิ่มขึ้น  มีการแนะนำให้จัดทำบัญชีชุดเดียวพร้อมเสริมความรู้       ความเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าสู่ระบบ National e-Payment   โดยครั้งนี้ได้เชิญผู้ประกอบการร้านขายยาที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์พัฒนาคุณภาพร้านยาแห่งประเทศไทย (ประกอบด้วย สมาคมร้านขายยา สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)  และชมรมร้านขายยา) ซึ่งมีสมาชิกทั่วประเทศจำนวน 21,318 ราย (แยกเป็นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา ร้อยละ 90 และเป็น Chain Store อีกร้อยละ 10) เข้ามาจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล  โดยกรมสรรพากรได้ประชุมหารือกับสมาพันธ์ ฯ เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้ร้านขายยาเปลี่ยนผ่านสู่นิติบุคคลไว้ ดังนี้ 
 
 
1. ด้านการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  โดยกรมสรรพากรจะนัดประชุมกับ อย. ในปลายเดือนกันยายน 2559  เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการโอนใบอนุญาตใบประกอบจากบุคคลธรรมดาไปสู่นิติบุคคล  การพัฒนาระบบ e–Signature เพื่อรองรับการรับข้อมูลรายงานแบบ       e-filing เกี่ยวกับรายงานควบคุมบัญชียา ซึ่งต้องลงลายมือชื่อของเภสัชกรกำกับไว้ในรายงานด้วย  การกำหนดรหัสยาที่เป็นมาตรฐานเพื่อการควบคุมและออกรายงานตามที่ต้องการ และความร่วมมือกับ อย. ในการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ร้านขายยาทั่วประเทศ  

2. การประชุมร่วมกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์เฮาส์และสมาคมร้านขายยา เพื่อร่วมกันกำหนด   ความต้องการของผู้ใช้งาน (Requirement) ให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เฮาส์พัฒนาโปรแกรมบันทึกการขายยาและโปรแกรมบัญชีทางการเงินรวมเหลือเพียงโปรแกรมชุดเดียว  และให้มีระบบแจ้งเตือนการควบคุมเรื่อง       การหมดอายุของยา และแจ้งเตือนเมื่อมีการจ่ายยาบางประเภทที่ไม่สามารถจ่ายยาร่วมกันได้

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการนิติบุคคล เพื่อลดภาระในการเปลี่ยนผ่านจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล  โดยจะต้องจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560  ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้แก่ ยกเว้นภาษีทางตรงและทางอ้อมสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ใดๆ  หักรายจ่ายค่าจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ค่าทำบัญชี และค่าสอบบัญชี  ได้ 2 เท่า  (เฉพาะนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนแล้วไม่เกิน 5  ล้านบาทและรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/รอบบัญชี)  ได้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดจากร้อยละ 2.00 เหลือเพียงร้อยละ 0.01  การโอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการของบุคคลธรรมดาให้แก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นใหม่ได้ และได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติแล้ว เป็นต้น

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับความคืบหน้าในการขยายฐานภาษีกับกลุ่มผู้ประกอบการค้าทองคำ กรมสรรพากรได้จัดการประชุมร่วมกับสมาคมค้าทองคำ  สมาคมธุรกิจทองคำ  ชมรมผู้ค้าปลีกทองคำแห่งประเทศไทย และผู้ผลิตโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ซึ่งได้ร่วมกันสนับสนุนให้ผู้ประกอบ   ร้านทองที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วประเทศ  จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล  และมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องแก่สมาชิกทั่วประเทศ ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้แจ้งให้สำนักงานสรรพากรพื้นที่       ทั่วประเทศ  ให้ความร่วมมือกับชมรมผู้ค้าปลีกทองคำฯ  และจัดเจ้าหน้าที่ไปร่วมเป็นวิทยากรบรรยายตามที่ ร้องขอ  โดยให้ถือว่าเป็นงานที่มีความสำคัญเร่งด่วน  ซึ่งรวมถึงการจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการ    ในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ด้วย”

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวในตอนท้ายว่า“ สำหรับแผนงานการขยายฐานภาษีในระยะต่อไป จะให้ความสำคัญกับธุรกิจการท่องเที่ยว และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว  โรงแรม  ภัตตาคาร  ร้านอาหาร นายหน้ารับจองที่พัก ธุรกิจให้เช่ารถนำเที่ยว  ร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจนันทนาการและธุรกิจ เพื่อความบันเทิง  ซึ่งขณะนี้มีการรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นและได้ประสานงานเป็นการภายใน                    กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้ว” 

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ก.ย. 2559 เวลา : 11:46:13

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 11:04 am