ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
NUSA เปลี่ยนแผนทำ'สวนสนุกเชิงวัฒนธรรม'แทนสวนน้ำฯที่ชลบุรี ลงทุน 2.5พันลบ.


 


 
บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) (NUSA) ครั้งที่ 8/2555  ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ได้มีมติให้เข้าซื้อที่ดินบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียนอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ดินขนาด 132 ไร่ 40 ตารางวา ราคา 396.30 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานโครงการสวนน้ำและพลาซ่า โดยให้มีการจดจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรองรับการทำงานในนามบริษัทณุศา วอเตอร์ แลนด์ จำกัด โดยบริษัทฯ (NUSA) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 

ต่อมาบริษัทฯได้เข้าทำการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งปัจจุบันการทำสวนน้ำนั้น มีคู่แข่งขันค่อนข้างมากและมีโครงการอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งขันอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้หากต้องการดำเนินการโครงการสวนน้ำและพลาซ่าจะต้องใช้เงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงเพื่อที่จะให้ได้เปรียบคู่แข่งขัน
    
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 7/2559 ประชุมเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 จึงได้มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อย บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด (เดิมชื่อ บริษัทณุศา วอเตอร์ แลนด์ จำกัด) ปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและเข้าทำรายการลงทุนในโครงการสวนสนุกเชิงวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ "The Legend Siam" โดยโครงการดังกล่าวมีทำเลที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ดินประมาณ 164 ไร่ซึ่งสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 12,000 คนต่อวัน โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 2,560 ล้านบาทและบริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด จะเป็นผู้เข้าลงทุนในโครงการโดยรับความช่วยเหลือทางการเงินจากบริษัทฯ
 (NUSA) ในรูปแบบของเงินกู้ยืม และ/หรือ เงินเพิ่มทุนบางส่วน
    
การลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจหลักของบริษัท และมูลค่าการลงทุนจะไม่เกิน 2.56 พันล้านบาท ซึ่งรวมส่วนหนึ่งของที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทย่อยแล้ว 
          
โครงการ The Legend Siam มีลักษณะการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของสวนสนุกเชิงวัฒนธรรม ซึ่งมีรูปแบบของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่ง ภายในโครงการจะมีเครื่องเล่น และพื้นที่ให้เช่าสำหรับร้านค้าปลีกเพื่อจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อีกทั้งยังมี  Legend Mall ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินนค้าฝากขายและสินค้าที่ระลึกของโครงการ รวมถึงยังมีการแสดงแสงสีเสียงและการแสดงศิลปวัฒนธรรมของไทย ให้แก่นักท่องเที่ยวได้รับชมตลอดทั้งวัน รายได้หลักจะมาจากการจำหน่ายบัตรเพื่อเข้าชมโครงการและใช้บริการสวนสนุกเครื่องเล่นต่าง ๆ รายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก และรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในส่วนของร้านค้าปลีก 
         
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/59 และเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ประมาณปลายไตรมาส 1/60 เป็นต้นไป ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกำไรและกระแสเงินสดกลับมายังบริษัทในระยะเวลาอันรวดเร็ว และการกระจายลงทุนสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและช่องทางธุรกิจของบริษัทที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาวด้วย
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 ก.ย. 2559 เวลา : 09:08:25

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 8:23 am