ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          SET INDEX วานนี้ปรับฐานลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลุดแนว 1,380-1,400 จุด ลงไปทดสอบแนว 1,350 จุด ก่อนเกิด Technical Rebound พร้อมกับค่าเงินบาทที่ลดช่วงการอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ SET INDEX ดีดตัวขึ้นมาปิด ณ สิ้นวันที่ 1,406.18 จุด ลบ 2.50% หรือ 36.03 จุด มูลค่าการซื้อขายทำสถิติสูงสุดใหม่ 130,152 ล้านบาท
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เพียง 411 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures วันแรกในรอบ 4 วันทำการ 4,082 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ 8,799 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          มูลค่าการซื้อขายวานนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 41 ปี นับตั้งแต่เปิดตลาดฯ 
          พอร์ตโบรกเกอร์ YTD ลดลงเหลือ 16,639 ล้านบาท 
          เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ วานนี้ 1.19% dod อ่อนค่ามากสุดในเอเชีย
          รายงานการประชุมเฟดเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เริ่มกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ล่าช้า อาจมีผลต่อเศรษฐกิจ
          เช้านี้ติดตามตัวเลขการส่งออก – นำเข้า เดือนก.ย.ของจีน 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 14)
          ภาพตลาดหุ้นไทยที่ผันผวนหนักวานนี้ไปกลับในกรอบ 92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ทำลายสถิติสูงสุดใหม่ของตลาดหุ้นไทย สะท้อนถึงความเปราะบางของนักลงทุนภายในประเทศกับปัจจัยการลงทุนที่ไม่ชัดเจน แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใน 3Q59 เติบโตเด่น yoy และ/หรือ qoq ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรเข้ามากขึ้น เมื่อเกิดภาวะ Error ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย เป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นหลักอย่าง AOT/ SCC/ KBANK/ BANPU/ BJC/ AP ฟื้นตัวเด่นและแข็งแกร่ง เราเชื่อว่าหุ้นหลักเหล่านี้เป็นเป้าหมายของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ และปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง 
          อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ แม้ว่าในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอ่อนค่า 1.19% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ต่างชาติเลือกที่จะลดน้ำหนักในตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้นไทย แรงกดดันดังกล่าวจึงเป็นไปอย่างจำกัด
          เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้จะลดช่วงความผันผวนลง แต่ยังเป็นไปในกรอบกว้างระหว่าง 1,380-1,415 จุด ทั้งนี้เราแนะนำให้นักลงทุน “เข้าสะสมหุ้นหลัก” หากเกิดภาวะ Panic ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย

Strategy of the Day
          MBKET ประเมินว่าภายใต้ภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน การปรับตัวลงของราคาหุ้น เป็นโอกาสซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีการเติบโตของการที่โดดเด่นในปี 2560 
          หุ้น Top pick ได้แก่ KBANK, SCB, CK, PTT, BANPU, BJC, CPALL, WHA 

Fund Flow Analysis

ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 มากถึง US$537 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$248 ล้าน 
แต่ซื้อสุทธิ TAIEX – VEX ต่อเนื่อง

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนปิดความเสี่ยงตลาดหุ้นไทยเพียงเล็กน้อย แม้ว่าจะเกิด Panic ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
          นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่ก็เพียง 411 ล้านบาท รวม 2 วันทำการ ขายสุทธิ 924 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับ SET INDEX ที่ปรับฐานลง 51 จุดในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมาก็ตาม ทำให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเล็กน้อยเป็น 133,808 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 4,082 สัญญา เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้า Short สุทธิ 7,452 สัญญา เราคาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มปิดสถานะ Short อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index หลุดแนว 900 จุด และกดให้ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 3 กว้างขึ้นเป็น 3.00 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 2.54 จุด ทำให้ยอด QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิลดลงเหลือ 3,098 สัญญา 
          และนักลงทุนกลุ่มนี้ คงการขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 8,799 ล้านบาท รวม 3 วันทำการ ขายสุทธิ 23,790 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงเป็นวันที่ 8 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 8 อีก 5.04bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 3.44bps ปิดที่ 2.327%

Short-Selling วานนี้ 
เพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 3 เป็น 5,410 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 2,232 ล้านบาท  และ SBL กระจายตัว 85 ตัว วันก่อนหน้า 81  ตัว           

NVDR Movement
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นลดน้ำหนักกลุ่มขนส่งและพลังงาน 
          การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิอีก 3,779 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 1,294 ล้านบาท โดยยังคงเลืกลดน้ำหนักกลุ่มขนส่งมากที่สุด 1,613 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ขายสุทธิ 799 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล  301 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิกลุ่มอสังหาฯ มากสุด 395 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          รายงานการประชุมเฟดเดือนก.ย. กังวลหากขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป: รายงานการประชุมเฟด ยังคงกังวลต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น หากทิ้งระยะไว้นานเกินไป ทำให้เฟดจะต้องกลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ต่อเนื่อง ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัวได้ ทั้งนี้มีเพียงสมาชิก 3 ท่านที่อนุมัติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps  ประเด็นที่ยังมีการหารือในที่ประชุมยังคงเป็นการว่างงานที่ 5% อัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่ถึงเป้าหมายของเฟดที่ 2% 

ยุโรป
          นายกฯ อังกฤษเสนอไม่ต้องโหวตต่อมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอน: นายกฯ อังกฤษ เห็นด้วยที่จะให้สภาฯ เปิดการอภิปรายถึงแผนการออกจากการเป็นสมาชิกในกลุ่มอียู และโหวตถึงแผนดังกล่าว แต่ไม่เปิดให้มีการโหวตรับรองมาตรา 50 แห่งกรุงลิสบอน เพื่อเริ่มขั้นตอน Brexit อย่างเป็นทางการ เพราะเราต้องรักษาเสียงประชามติของประชาชนที่เลือก Brexit ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา
          อียูยังหวังว่า IMF จะเข้าร่วมให้เงินช่วยเหลือกรีซ: รมว.คลัง อียู ยังคงทำงานในส่วนของแผนการช่วยเหลือกรีซ เพื่อหวังว่า IMF จะยังเป็นส่วนหนึ่งของการให้เงินช่วยเหลือ ขณะที่ยังคงกังวลต่อระดับหนี้สาธารณะของกรีซที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เยอรมันให้น้ำหนักและไม่อยากผ่อนคลายให้กรีซ 
          ผลผลิตภาคอุตฯ ในอียู ฟื้นตัว: เดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.6% mom ดีกว่า Reuters poll คาดเล็กน้อยที่ 1.5% mom และฟื้นตัวจากเดือนก.ค.ที่หดตัว 0.7% mom ทั้งนี้ผลผลิตภาคอุตฯ ส่วนใหญ่ฟื้นตัว ยกเว้นสินค้าที่ไม่คงทนในส่วนของสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เสื้อผ้า ซึ่งผลผลิตหดตัว 0.6% mom 

จีน
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
                    สมาชิกบอร์ด BoJ เชื่อว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการประชุมครั้งถัดไป: นาย Harada สมาชิกบอร์ด BoJ ให้ความเห็นว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงาน 
          รัสเซียภาพเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ: ประธานาธิบดีปูติน ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจรัสเซียต้องการปัจจัยมาสนับสนุนให้การเติบโตมีเสถียรภาพ และยึดกับเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อเป็นสำคัญ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้ การขาดดุลงบประมาณระดับ 3.0% ของ GDP ถือว่าเป็นระดับที่รับได้ 
          โอเปกประเมินภาวะอุปทานส่วนเกินเพิ่มขึ้นในปี 2560 แม้ว่าจะมีแผนลดกำลังการผลิตก็ตาม: OPEC ผลิตน้ำมัน 33.39 ล้านบาร์เรล/วัน เฉลี่ยในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 220,000 บาร์เรล/วัน จากเดือนส.ค. ถือเป็นระดับการผลิตสูงสุดไม่ต่ำกว่า 8 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ระดับสต็อคน้ำมันยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดทั่วโลก ด้านผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก คาดว่าจะผลิตเพิ่มขึ้น 240,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนหน้าที่ 40,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่อุปสงค์น้ำมันเฉลี่ย 32.59 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ส่งผลให้ระดับอุปทานส่วนเกินจะขยับเป็น 800,000 บาร์เรล/วัน หากโอเปกคงกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นระดับอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นจากการประเมินครั้งก่อนหน้าที่ 760,000 บาร์เรล/วัน
 

ไทย
                     เลื่อนบริการพร้อมเพย์ไปต้นปีหน้า: ธปท. เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการและบริษัทเนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด หรือ NITMX ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารที่เข้าร่วมโครงการเสนอให้เลื่อนการเปิดให้บริการพร้อมเพย์สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลไปเป็น 1Q60 เป็นแนวทางที่เหมาะสม จากเดิมกำหนดให้บริการ 31 ต.ค. เพื่อให้มีระยะเวลาเพียงพอสำหรับการทดสอบระบบให้มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และสามารถรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคต มีความปลอดภัย ความถูกต้อง และความน่าเชื่อถือ รวมทั้งมีการเตรียมการเกี่ยวกับการดูแลและคุ้มครองผู้ใช้บริการที่เป็นธรรม มีความพร้อมในการบริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น



โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 13 ต.ค. 2559

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 ต.ค. 2559 เวลา : 10:22:56

26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 2:38 am