ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง


 


หยิบเงินหยิบทอง - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
         
SET INDEX วานนี้แกว่งตัวในกรอบทีแคบลง แต่ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง KBANK ส่งผลให้ปิดลดลงเล็กน้อยที่ 1,477.34 จุด ลดลง 0.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท 
          นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 5,571 ล้านบาท, Short สุทธิ SET50 Index future เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน จำนวน 7,241 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 ติดต่อ 2,064 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
          - Dollar Index อ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่ยังทรงตัวระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน
          - ราคาถ่านหิน Newcastle ปรับตัวขึ้นวันที่ 4 ติดต่อกัน ปิดที่ US$90.60/ตัน ทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง 
          - รฟท.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้ารางคู่ 2 เส้นทางวงเงิน 4.7 หมืนล้านบาทในวันพุธที่ 19 ต.ค. 
          - ติดตามตัวเลข GDP 3Q59 ของจีนที่จะรายงานในวันพรุ่งนี้ ตลาดคาดการณ์ +6.7% yoy 

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 17)
          MBKET คาดว่า SET INDEX วันนี้จะยังมีทิศทางการเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบ 1470 – 1485 จุด เพื่อรอปัจจัยใหม่ในการลงทุน เช่น ตัวเลข GDP 3Q59 ของจีน ในวันพรุ่งนี้, การประชุม ECB ในวันพฤหัส รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 3Q59 ของกลุ่มธนาคารซึ่งจะเสร็จสิ้นในสัปดาห์นี้ 
          ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ถึง 5,571 ล้านบาท เป็น Sentiment เชิงลบทางจิตวิทยา แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นการลดน้ำหนักหุ้น KBANK หลังมี Negative Surprise คือการตั้งสำรองที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในปี 2560 
          อย่างไรก็ตาม ด้วยภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในปี 2560 เราเชื่อว่า Downside Risk ของกลุ่มธนาคารจะไม่มากนัก และอาจเห็นการ Switch เม็ดเงินเข้าสู่หุ้นธนาคารหลักที่เหลือ เช่น SCB, KTB, BBL หากงบ 3Q59 ออกมาใกล้กับทีคาด และจุดสำคัญอยู่ที่การตั้งเป้าหมายทางธุรกิจของแต่ละธนาคารในปี 2560 ได้แก่ การเติบโตของสินเชื่อ, ทิศทาง NPL และ Credit Cost 
          คงคำแนะนำ Selective Play เพื่อเก็งกำไรหุ้นที่งบ 3Q59 จะออกมาดี และหุ้นที่ยังมี Valuation ถูก เชื่อว่าจะเป็น Outperform ตลาดได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มถ่านหินจะมี Sentiment บวกหลังราคาถ่านหินทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และการเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็น High Season จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาถ่านหินยังมีทิศทางการไต่ระดับขึ้น 

Strategy of the Day          
          1. สะสม PS : ราคาปิด 23.60 บาท ราคาเหมาะสม 35.00 บาท
          a) MBKET คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q59 จะเติบโตทั้ง yoy และ qoq จากการรับรู้รายได้โครงการคอนโด Fuse Miti  รัชดา และ The Signature by Urbano เป็นปัจจัยบวกหนุนการลงทุนในระยะสั้น 
          b) คาดว่าความชัดเจนของการเปลี่ยนเป็นบริษัท Holding จะเป็น Catalyst สำคัญต่อภาพการลงทุนระยะกลาง-ยาว โดย PS อยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนในธุรกิจที่สร้างรายได้แบบ Recurring เช่น โรงพยาบาล ฯลฯ และคาดว่าจะมีความคืบหน้าใน 4Q59 
          c) ราคาหุ้น Underperform ตลาดมาก โดย YTD -10.9% เทียบกับ SET INDEX +14.7% และหุ้นในกลุ่ม เช่น SPALI +28.5%, AP +27.1%, QH +4.3% ขณะที่ Valuation ซื้อขายที่ระดับน่าสนใจ ที่ PER2560 เพียง 6.5 เท่า และให้ Dividend Yield สูงถึง 7.7% 
          2. สะสม WHA : ราคาปิด 3.16 บาท ราคาเหมาะสม 4.00 บาท (อิง IAA Consensus) 
          a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อ WHA และมีปัจจัยบวกรออยู่ ใน 4Q59 คือการสินทรัพย์เข้ากองทุน HREIT มูลค่าราว 8 พันล้านบาท ซึ่ง กลต.ได้เริ่มนับ 1 ไฟลิ่งแล้ว, การขายสินทรัพย์เข้าสู่ WHART ราว 5 พันล้านบาท รวมทั้งการนำ WHAUP เข้า IPO ในตลท.ในช่วง 1H60
          b) คาดว่าจะส่งผลให้ฐานะการเงินดีขึ้นมากจาก Net DE ที่ระดับ 2.4 เท่าใน 2Q59 ลดลงเหลือเพียง 1.0 เท่าในสิ้นปี 2560
          c) ได้ประโยชน์โดยตรงจาก พรบ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจตะวันออก เพื่อผลักดันการลงทุนมูลค่าสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท เนื่องจากเป็นผู้เล่นหลักธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ใน จ.ระยอง และเชื่อว่าเป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณ รวมทั้งมี Valuation ที่น่าสนใจ ซื้อขายที่ระดับ PER2560 ราว 10 เท่า 

Fund Flow Analysis
          Fund Flow in Emerging Markets
          ขายสุทธิเล็กน้อย US$10.4 ล้าน จากวันก่อนหน้าที่ US$186.6 ล้าน แต่ยังขายสุทธิตลาด TIPs ทั้ง 3 ตลาด   

Foreign Investors Action วานนี้
          ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน, Short สุทธิ SET 50 INDEX Furture วันที่ 2 ติดต่อกัน  และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่  6 ติดต่อกัน 
          นักลงทุนต่างชาติ คงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีก 5,571 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 2,572 ล้านบาท  ส่งผลให้ YTD ต่างชาติซื้อสุทธิลดลงเหลือ 125,107 ล้านบาท
          ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ Short สุทธิวันที่ 2 ติดต่อกัน 7,241 สัญญา จากวันก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 24,390 สัญญา  ทำให้ยอด QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิเท่ากับ 44,618 สัญญา 
          และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 6 ติดต่อกันอีก 2,064 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 1,695 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ขายสุทธิรวม 34,551 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปีลดลงวันที่ 3 ติดต่อกันเหลือ 2.184% จากวันก่อนหน้าที่ 2.225%  

Short-Selling วานนี้ 
          มูลค่า SBL ลดลงเล็กน้อยเป็น 1,398 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ 1,567 ล้านบาท 

NVDR Movement
          NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยขายหนักหุ้น KBANK
          การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1,180 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 476 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 9,332 ล้านบาท โดยขายสุทธิสูงสุดกลุ่มธนาคาร 1,459 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มปิโตรเคมี 250 ล้านบาท และกลุ่มขนส่ง 178 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิสูงสุดกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 428 ล้านบาท กลุ่มสื่อสาร 304 ล้านบาท และกลุ่มพลังงาน 76 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
          ผลผลิตภาคอุสาหกรรมดีกว่าคาด : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. ปรับตัวสูงขึ้น 0.2%mom สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 0.1%mom และสวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง 0.2%mom

ยุโรป
          ดัชนีราคาผู้บริโภคออกมาเป็นกลาง : ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหภาพยุโรป ปรับตัวสูงขึ้น 0.4%mom เท่ากับ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ และสูงกว่าเดือนก่อนที่ปรับตัวสูงขึ้น 0.1% mom

จีน
          ไม่มี

เอเชียแปซิฟิก
          ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้น 4.5% yoy ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 4.6% yoy

ไทย
          ไม่มี

     
         
 
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 18 ต.ค. 2559



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 18 ต.ค. 2559 เวลา : 10:10:21

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 12:55 pm