+/- ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ได้รายงานตัวเลขปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าปรับตัวลดลง 100,000 บาร์เรลต่อวัน ลงมาแตะระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงของการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นเหตุจากปัจจัยชั่วคราวของพายุโซนร้อน Cindy ที่เคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งของสหรัฐฯ ในอ่าวแม็กซิโก และการปิดซ่อมบำรุงแหล่งน้ำมันดิบในรัฐอลาสก้า ที่สามารถทำการผลิตน้ำมันดิบได้ 288,186 บาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้คาดว่าระดับการผลิตน้ำมันดิบจะกลับมาเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ ข้างหน้า
  + ประกอบกับราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุน หลังจากการรายงานของบริษัทรอนัลดัตซ์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานข้ามชาติ ถึงสถานการณ์การส่งออกน้ำมันดิบของประเทศไนจีเรียที่ปรับลดลง จากการปิดซ่อมบำรุงท่อขนส่งน้ำมันดิบ
  -/+ ราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกที่ยัง อยู่ในระดับสูง แม้ว่ากลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตและการส่งออกลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็ตาม อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกมีแนวโน้มยืดระยะเวลาข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม โอเปกและผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกลงไปจนถึงช่วง เดือนมีนาคม 2018
  - Goldman Saches คาดการณ์ระดับราคาของน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 40-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเท่านั้นใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้านี้ เนื่องจากแนวโน้มกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ของสหรัฐฯ ไนจีเรีย และลิเบีย

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในภูมิภาคที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับดี อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ภายในกลุ่มตะวันออกกลาง
   ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงหนุนของอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น และปริมาณสต๊อกน้ำมันน้ำมันดีเซลของประเทศญี่ปุ่นปรับลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ ผ่านมา

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 42-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวลดลง จากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มคงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย คาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชซิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 0.3 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 60.83 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 509.2 ล้านบาร์เรล
  การผลิตน้ำมันดิบของ สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องกว่า 23 สัปดาห์ติดต่อกันมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่ เม.ย. 58 โดย Baker Hughes รายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด 23 มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 11 แท่น มาอยู่ที่ 758 แท่น
  ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของ ไนจีเรียและลิเบียมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นต่อเนื่อง โดยไนจีเรียคาดจะกลับมาสามารถส่งออกน้ำมันดิบที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน ในขณะที่ลิเบียคาดปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 885,000 บาร์เรลต่อวัน
  ติดตามการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและ นอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 24 ก.ค. ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือกำหนดเพดานการผลิตของลิเบียหรือ ไนจีเรีย เพื่อช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติมหรือไม่