ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน (14/09/60)


 เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,630-1,650 

          SET ทดสอบแนวต้าน 1,650 จุด แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ส่งผลให้มีแรงขายเข้ามาตลอดช่วงบ่ายปิด 1,642.94 จุด -0.04% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 956 ล้านบาท

เรามองอย่างไร: 
          SET ยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,650 จุดไปได้ ทำให้อาจมีการ "พักฐาน" ระยะสั้น ประกอบกับการ rebalance หุ้นอิงดัชนี FTSE วันที่ 15 ก.ย.นี้จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยงเพิ่มขึ้น...ทั้งนี้เรามองการ "พักฐาน" ของ SET ไปที่ 1,635 +/- จุด เป็นโอกาส "ซื้อ" เป้าหมาย SET ระยะสั้นที่ 1,650-1,660 จุด 

ทำอะไรดี:
          SET อาจมีแรงเหวี่ยงระหว่างสั้น แต่คงมุมมอง "บวก" ต่อไป:- "ซื้อ" HANA  (TP 48) ความต้องการ semiconductor และ IC โลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการพัฒนาสินค้าที่มีส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น Book to Bill ที่เป็น ratio อยู่ที่ระดับสูงกว่า 1x ตั้งแต่ 4Q15 แสดงให้เห็นถึงความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แข็งแกร่ง คาดกำไรขยายตัว 14-17% ปี 2017-19 มอง PE18 12.9x และปันผล 5.4% ไม่แพง 
          1."ซื้อ" กลุ่มหุ้น SET50 ที่คาดว่าจะเป็น "กลุ่มนำ" ตลาดได้แก่ ชอบกลุ่มพลังงาน (PTT -valuation ไม่แพงที่ PE ต่ำกว่า 10x และปันผลสูงกว่า 5%) กลุ่มธนาคาร (KBANK BBL) และค้าปลีก (CPALL  HMPRO)

Tactical Portfolio (1-3 months): (หน้า 2)
          "ถือ" AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)

Fundamental:(หน้า 5)
          HANA : "ซื้อ" พื้นฐาน 48 บาท (เดิม 42 บาท)...แม้การแข็งค่าของเงินบาทจะกดดันอัตรากำไร แต่ยอดขายเติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการ Semiconductor + IC โลกสูง Book to Bill ratio สูงกว่า 1x ตั้งแต่ 4Q15, คาดกำไรเติบโต 14.5-17% ต่อปีช่วง 2017-19, มอง PE18 12.9x และปันผล 5.4% น่าสนใจ 
          SEAFCO : "ซื้อ" พื้นฐาน 17.5 บาท.รับงานใหม่ 1.8 พันล้านบาท หนุน backlog เพิ่มมาที่ 1.5 พันล้านบาท และมีโอกาสรับงานเพิ่มในช่วงปลายปีอีกมากไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีเหลือง-ชมพู, งานโครงการ One Bangkok และงานก่อสร้าง Mixed-used project ในพม่า PE18 ที่ 13x ต่ำสุดในกลุ่มรับเหมาฯ

Today's News: 
          EEC: รัฐบาลมั่นใช่การลงทุนปี 2018 ในเขต EEC จะขยายตัวแข็งแกร่ง เบื้องต้นคาดจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามา 1 แสนล้านบาท...เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มหุ้นนิคมฯ และให้บริการในนิคมฯ อย่าง AMATA  (TP 23) WHA  (TP 4.0) WHAUP  (TP 7.0 - กำไรเติบโตสูง 113% ปีนี้) ATP30 (non-coverage)

Technical Story: Technical SET range: 1,630-1,652 
แกว่งหลังทดสอบ 1,650 จุด: (รายงาน The Technical Story)
          SET ขึ้นทดสอบเป้าหมาย 1,650 จุด แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ มีโอกาสพักฐานมีแนวรับที่ 1,638 หรือถัดไปที่ 1,630-32 จุด สำหรับด่านมีที่ 1,648 และ 1,652 จุดที่ต้องฝ่าขึ้นไป แนะนำถือหุ้นหรือรอซื้อเพิ่มที่แนวรับ เพื่อลุ้นฝ่าเขต 1,650-60 จุดขึ้นต่อไป

หุ้นแนะนำ: 
          GFPT เข้าเมื่อทะลุ 20.10 บาท เป้าหมาย 21 / 22 บาท
          GLOBAL ซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 16.30 / 17.80 บาท

Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
          "ถือ" Long S50U17 เป้าหมาย 1,068 จุด...Trailing Stop 1,030 จุด 
          "Long" Block Trade KCE เป้าหมาย 93 บาท..Leverage 8x 
          TradeCode: Buy >PSH, SINGER, TRUBB

Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
          Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.1% โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำ "เพิ่ม" เข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 5 ก.ย.อย่าง WHA และ AMATA ให้ผลตอบแทนสูง 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ ขณะที่ EA ให้ผลตอบแทน 4.3% w-w จากแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q17 เติบโตสูงจากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน 126MW ผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 เฟส รวมไปถึงมีประเด็นจากการที่ FTSE เพิ่มหุ้นเข้าพอร์ตวันที่ 15 ก.ย.นี้ด้วย...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA 
          WHA ("ซื้อ" TP 4.0 บาท) ราคาหุ้นทำลายแนวต้าน 3.20 บาทไปในสัปดาห์ก่อน และมีแนวโน้ม Outperform ตลาด แนะนำ "ซื้อ" จาก 1) ราคาหุ้น +14% YTD ยัง laggard AMATA +76% 2) ยอดขายที่ดินเร่งตัวขึ้นใน 2H17 3) การขายสินทรัพย์ 3-4 พันล้านบาท เข้ากองทุน REIT ใน 4Q17 4) WHAUP มีกำไรเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 5) Debt to Equity ดีขึ้นเหลือ 1.1x สิ้นปีนี้ มีความพร้อมจ่ายปันผลเร่งขึ้น 6) ภาครัฐฯ จะพิจารณากฎหมาย EEC ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า

Siam Senses Portfolio  (6-12 เดือน)

หุ้นใน Siam Senses Portfolio 

  • AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
  • AOT   : ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
  • BEAUTY: เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
  • CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
  • DTAC  : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
  • EA    : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
  • KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
  • KCE   : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
  • PTT   : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
  • STEC  : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
  •  

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.ย. 2560 เวลา : 09:47:57

25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 11:55 am