คำแนะนำ

  หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือบริเวณ 1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แนะนำทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรบางส่วน เพื่อรอการอ่อนตัวลงของราคาหากไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,270-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงพิจารณาเข้าซื้อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว

แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ  1,266  1,260  1,251
แนวต้าน  1,293  1,306  1,313

ปัจจัยพื้นฐาน
  ราคาวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  8.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือที่กลับมาอยู่ในจุดสนใจอีกครั้งหลังสื่อรัสเสียรายงานถึงความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล  ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็ออกมาแสดงความเห็นเป็นนัยว่ามาตรการทางทหารเป็นสิ่งเดียวที่จะใช้ได้ผลในการจัดการกับเกาหลีเหนือซึ่งปัจจัยดังกล่าวกดดันสกุลเงินดอลลาร์พร้อมทั้งกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรหลังจากนางซาบิน เลาเทนชเลเกอร์ สมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป(ECB)กล่าวเรียกร้องให้อีซีบีลดการซื้อสินทรัพย์ในปี 2018 อีกด้วย  ขณะที่แรงซื้อจากนักลงทุนจีนที่กลับเข้าซื้อทองคำอีกครั้งหลังปิดทำการตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาในช่วง Golden week เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ราคาทองคำ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม  4.43 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจขนาดเล็กเดือนก.ย., ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPPและถ้อยแถลงของประธานเฟดมินนิอาโปลิสนาย Neel Kashkari

ปัจจัยทางเทคนิค
  หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ทำให้นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นบริเวณ 1,270-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES 
  แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้น  หากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,270-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์