ปริมาณการซื้อขายชะลอตัวลง ขณะที่สัญญาณความผันผวนหุ้นโลกเพิ่มสูงขึ้น

  เราเริ่มเห็นสัญญาณเตือนถึงความผันผวนของตลาดทุนโลก (Global equity) ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสั้นจาก 1) ดัชนีความผันผวน (volatility index) ในหลายตลาดปรับเพิ่มขึ้น 2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่เร่งตัวสูงขึ้นค่อนข้างเร็วและต่อเนื่อง จนล่าสุดเกิน 2.70% สูงสุดนับจาก เม.ย.57 เป็นต้นมา 3) การแข็งค่าชองเงินเหรียญสหรัฐฯ กระทบต่อราคาโภคภัณฑ์ รวมถึงราคาน้ำมันดิบ ที่ชะลอตัวหลังตลาดกลับมาให้น้ำหนักประเด็นการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯอีกครั้ง 
  ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น คาดส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยอ่อนแรงลงในช่วงสั้น กลยุทธ์การลงทุน กลุ่มปันผล สื่อสาร การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ หลายตัวคาดจะมีบทบาทในฐานะหุ้นปลอดภัย (defensive) มากขึ้นในสัปดาห์นี้ ระวัง/หลีกเลี่ยงกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเสี่ยงถูกปรับประมาณการหรือลดคำแนะนำลง
  Investment Theme เน้นหุ้นปันผลที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนมากขึ้นในช่วงนี้ แนะนำ LH INTUCH ADVANC IRPC PM MAJOR // หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*//ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มเดินเรือที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากค่าระวางเรือ (BDI) ขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA //หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ HTC*, RSP*, MBK*, MONO*, TVO*, SPALI, MILL*, COM7*, TTCL*, TK, SKE*
  ภาพรวมกลยุทธ์: แม้ยังมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบด้านบนในกรอบ 1820-1850 จุด แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ชะลอตัวลงเหลือราว 5-6 หมื่นล้านบาทต่อวัน (จาก 9 หมื่นล้านบาท) และความผันผวนของหุ้นโลกที่สูงขึ้น นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่มี // หุ้นแนะนำ BANPU, MBK*, AMANAH, BDMS
  แนวรับ 1829 / แนวต้าน : 1840-1850 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน
  โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปิดลบจากความกังวลเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,214 จุด (-0.41%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 109 เหรียญฯต่อตัน (+2.35%)
  สหรัฐเผยผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือน ธ.ค. – การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากพุ่งขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. ส่วนตัวเลขการออมของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 3.516 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 
  สศค.ปรับคาดการณ์ GDP ปี 61 เป็นโตพุ่ง 4.2% จาก 4% ปี 60 - สศค. คาดเศรษฐกิจไทยปี 61 ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ 4.2% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.7-4.7%) จากปี 60 ที่ขยายตัวราว 4.0% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญจากการใช้จ่ายภาครัฐในโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 
  มาตรการสินเชื่อ 7 หมื่นลบ. หนุน SME ที่ได้รับผลกระทบจากค่าแรงขั้นต่ำ – ธพว.เตรียมมาตรการสินเชื่อรวม 70,000 ลบ. สำหรับช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทุกระดับตั้งแต่รายย่อย ขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ 1-3%
  กศร.หนุนท่องเที่ยว ดึงลงทุน EEC – กศร.เตรียมพิจารณาแผนปฏิบัติการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอีก 1 เท่าตัว ภายใน 6 ปี เพิ่มเป้าขอส่งเสริมบีโอไอเป็น 2.5 แสนลบ. 
  ประเด็นติดตาม: 31 ม.ค. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย, EU – อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. / 01 ก.พ. US – ประชุมนโยบายการเงินสหรัฐฯ, TH - อัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)