คำแนะนำ
แนะนำว่าการลงทุนอาจต้องเป็นไปในลักษณะรอจังหวะการอ่อนตัวลงของราคาแล้วค่อยเข้าซื้อบริเวณ 1,229-1,227 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน แต่หากผ่านแนวต้านแรกได้ให้ชะลอการขายออกไป
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,227 1,217 1,208
แนวต้าน 1,246 1,254 1,266
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น (1.) ความไม่แน่นอนด้านแผนงบประมาณของอิตาลีหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)ปฏิเสธแผนงบประมาณประจำปี 2019 ของรัฐบาลอิตาลีเนื่องจากขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU (2.) ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและซาอุฯที่มีแนวโน้มเลวร้ายลงหลังจากปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อคำอธิบายของทางการซาอุฯเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจามาล คาช๊อกกี (3.)สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน รวมไปถึงเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ สถานการณ์ความไม่แน่นอนเหล่านี้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและทองคำ ส่งผลให้ทองคำวานนี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนบริเวณ 1,239.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR วานนี้ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลงหลังจากถือครองทองคำเพิ่มในวันจันทร์จำนวน +2.06 ตัน สำหรับวันนี้ยังต้องเกาะติดการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ และยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หลังจากราคาดีดตัวขึ้นหลายครั้งมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคา แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1,229-1,227 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ก็จะเห็นการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง โดยยังมีโอกาสที่จะราคาทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD FUTURES
รอดูบริเวณ 1,229-1,227 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,240-1,246 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวดังกล่าวให้รอดูบริเวณแนวรับถัดไปที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น