ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ไอร่า ชี้ทิศทางตลาดหุ้น "มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง" / หุ้นแนะนำ KTB รอบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินของ AQ ใน 1Q62


บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/10/61

 
 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้

(+) ตลาดต่างประเทศ DJIA +401.13, NASDAQ +209.94, S&P +49.47, FTSE +41.12, CAC +79.21 และ DAX +115.49
  
ภายใต้ปัจจัยบวก จากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ฟื้นตัวแรง เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและแรงขายที่ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นอกจากนี้ ผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ยังเป็นอีกปจั จัยที่ช่วยหนุนตลาดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย โดยไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2561 พุ่งขึ้น 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสหรัฐเปิดเผย (1) ยอดสัง่ ซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน ก.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากคำสัง่ ซื้อเครื่องบินและรถยนต์ (2) ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน (3) จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครัง้ แรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
 
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$0.51 อยู่ที่ US$67.33 ต่อบาร์เรล รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 อันแข็งแกร่งผ่อนคลายความกังวลบางส่วนว่าการเติบโตชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะกระทบอุปสงค์น้ํ ามัน และความเห็นของนรัฐมนตรีพลังงานซาอุดิอาระเบียที่ระบุว่าอาจมีความจำเป็นต้องแทรกแซงเพื่อลดสต็อกน้ํามันหลังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
 
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ธ.ค. +US$1.3 อยู่ที่ US$1,232.4 ต่อออนซ์ ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งส่งผลให้นักลงทุนยังคงขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเช่นหุ้น
 
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -4,114 ล้านบาทยอดสะสม -266,688 ล้านบาท (ปี’57 และ 58ยอดขายสุทธิสะสม 36,173 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ปี’59 ซื้อสุทธิสะสม 77,927 ล้านบาทและปี’60 ขายสุทธิสะสม 25,755 ล้านบาท)
 
ประเด็นที่ต้องติดตาม 26 ต.ค.’61
26/10/61 สหรัฐฯ เปิดเผย
(1) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3
(2) ความเชื่อมัน่ ผู้บริโภคเดือนต.ค.
 
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง? คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามทิศทางเดียวกับต่างประเทศส่วนใหญ่ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย หลังทางซาอุประกาศว่าอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งคาดกลับมาส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT, PTTEP 
 
นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง หลังจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ยังเป็นอีกปจั จัยที่ช่วยหนุนตลาด ขณะที่ยังมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงินเพิ่มอีกประมาณ 267,000 M.USD (หลัง ก.ค. - ก.ย. เรียกเก็บรวม 250,000 M.USD และจีนตอบโต้กลับ จำนวนรวม 110,000 M.USD) คาดในครัง้ นี้จีนอาจใช้มาตรการอื่นๆ ตอบโต้สหรัฐฯ กลับขณะที่การเจรจาเพื่อลดข้อพิพาทยังไม่มีความคืบหน้า
 
รวมถึงการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะความกังวลต่อการเร่งพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ จากตัวเลขเงินเฟ้อ และ Bond Yield ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
 
ยังแนะติดตามค่าเงินบาทที่คาดยังมีความผันผวนตามกลุ่ม Emerging Market ภายใต้ความกังวล (1) ขาดดุลการค้าและบัญชีเดินสะพัด (2) ภาระหนี้ต่างประเทศ และ (3) เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ
 
ทางด้านประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยกดดันจากตัวเลขส่งออก - ก.ย. ลดลง 5.2% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.4 – 5.6% หลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และความต้องการใน Emerging Market ลดลง อย่างไรก็ตามตลาด CLMV ยังขยายตัวได้ดี 17.5% พร้อมกับตลาด USA +1.2%ขณะที่จีน -14.1%
 
พร้อมคาดยังมีแรงเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/61 ถึงกลางเดือนพ.ย.ส่วน Fund Flow ต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อเนื่อง พร้อมกับ YTD ขายสุทธิสะสม เกือบ 267,000 ล้านบาท หรือประมาณกว่า 8,200 M.USD อย่างไรก็ตามคาดได้รับการชดเชยจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ ภายใต้เม็ดเงินจาก LTF ที่คาดทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี คาดไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทพร้อมคาดบางส่วนพักตัวอยู่ในตลาดพันธบัตร ซึ่ง YTD ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมเกือบ 7,900 M.USD

และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL, PTTGC เป็นต้น
(2) กลุ่มธนาคาร จะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทย เช่น BBL, KTB
(3) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น PTT, PTTEP, TOP
(4) กลุ่มขนส่ง ค่าระวางเรือในระดับสูง ส่งผลดีต่อ PSL
(5) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมัน่ ของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี +0.01 อยู่ที่ 3.14% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.01 อยู่ที่ 24.22

หุ้นแนะนำ : KTB
หุ้นแนะนำ
KTB : รอบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินของ AQ ใน 1Q62
KTB รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 7,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%QoQ และ 33%YoY แต่น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 8,053 ล้านบาท หลักๆ จาก (1) การตัง้ สำรองหนี้ จำนวน 6,000 ล้านบาท ลดลง 10%QoQ และ 38%YoY (2) Non-NII ลดลง 8.5%QoQ และ 7.5%YoY จากส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจประกันปรับตัวลดลงเป็นไปตามเทรนเดียวกับธนาคารขนาดใหญ่อื่นที่ถูกผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้น
จากผลของการขายทอดตลาดที่ดินของ AQ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา มี ทำให้ KTB สามารถรับรู้กำไรพิเศษมูลค่าประมาณ 8,300 ล้านบาท คาดว่าจะบันทึกเข้ามาในช่วง 1Q62 อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรบางส่วนจะถูกนำไปตัง้ สำรองพิเศษ เนื่องจากปจั จุบัน Coverage Ratio ของ KTB ที่ 122% ถือว่าต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ (140% - 180%) ทำให้คาดว่า KTB จะนำกำไรพิเศษดังกล่าวบางส่วนไปตัง้ สำรองพิเศษเพื่อรองรับกับ IFRS9 ที่จะบังคับใช้ปี’63 นอกจากนี้เรายังมอง KTB จะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นโดยปจั จุบัน KTB มีสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยลอยตัวถึง 88% ของสินเชื่อรวม
เรามองว่า KTB ปี’62 มีความโดดเด่นทัง้ ในแง่การเติบโตของกำไร และ Dividend Yield ที่มากถึง 4.6% ประเมินราคาเป้าหมายปี’62 ที่ 23.20 อิงวิธี GGM ที่ PBV ที่ 1 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 ต.ค. 2561 เวลา : 10:45:20

19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 6:05 pm