กองทุนรวม
MFC ชี้เป้า 5 กองทุนลดหย่อนภาษี ทยอยลงทุนเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนฉ่ำ


บลจ.เอ็มเอฟซี แนะ 5 กองทุนลดหย่อนภาษีปี 67 มองเลือกตั้งสหรัฐฯ กดหุ้นย่อตัวจังหวะทยอยสะสมกองทุน "MGFSSF- MGFRMF" ชูจุดเด่นลงทุนหุ้นโลกที่มีกำไร-รายได้โตในทุกภาวะเศรษฐกิจด้านกองทุนหุ้นไทยแนะ "MT25-ThaiESG" เน้นหุ้นตัวท็อปที่เติบโตและยั่งยืน ส่วน "MFLEX-ThaiESG" ลงทุนผสมหุ้น-ตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน พร้อมกองทุน "MMF-RMF, MIPLUS-SSF" เสิร์ฟกลุ่มรับความเสี่ยงได้ต่ำและปานกลาง พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้ม 
 
 
 
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า เข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนักลงทุนเริ่มมองหากองทุนลดหย่อนภาษี ซึ่ง MFC มีกองทุนให้เลือกหลากหลายนโยบายการลงทุนและตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งกองทุนรวม  เพื่อการออม (SSF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ซึ่งเป็นกองทุนน้องใหม่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา โดยในปี 2567 นี้ แนะนำ 5 กองทุน นโยบายการลงทุนครอบคลุมทุกระดับความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำ ปานกลางและสูง สามารถทยอยเข้าลงทุน เพื่อเตรียมวางแผนภาษีโดยไม่ต้องรอซื้อปลายปี
 
"MFC ยังคงแนะนำให้ทยอยซื้อกองทุนลดภาษีไม่ต้องรอซื้อวินาทีสุดท้าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและจัดพอร์ตกระจายลงทุนได้เลย  โดยเฉพาะในปีนี้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ   นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 และมีโอกาสที่จะเป็น Red Sweep คือ พรรคริพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาทั้งฝั่ง ส.ส. และ ส.ว. ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นรวมไปถึงหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กมีโอกาสปรับตัวขึ้นด้วย เนื่องจากได้ประโยชน์จากนโยบายสนับสนุนการ Mergers and Acquisitions และลดอัตราภาษีนิติบุคคล ของทรัมป์” นายธนโชติ กล่าว
 
สำหรับตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/2567 ทาง MFC มองแนวโน้มดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่นำโดยจีนจะผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียซึ่งไทยน่าจะได้อานิสงส์ด้วยประกอบกับตลาดหุ้นไทยจะได้แรงหนุนจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยในเดือน ก.ค.-ก.ย. มียอดซื้อสุทธิ 21,461.57 ล้านบาท หากนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.–30 ก.ย. 67 มียอดเงินไหลออกสุทธิลดลงเหลือ 95,569.93 ล้านบาท ปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนตลาด   ยังมาจากตัวเลขการส่งออกเดือน ส.ค. ของไทยที่ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีและคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นช่วงวันหยุดในวันชาติจีนช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการ Ease of Traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สาย  การบินเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น
 
“ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบันค่า Forward P/E ของดัชนี SET Index ณ วันที่ 31 ต.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า อยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี ทาง MFC จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงให้น้ำหนัก Overweight” นายธนโชติ กล่าว

สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีที่แนะนำปี 2567 นี้ แบ่งตามระดับความเสี่ยงของนักลงทุน จำนวน 5 กองทุน ได้แก่ 
 
กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำ MMF-RMF (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตลาดเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ) ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินนโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ระยะสั้นของภาครัฐและเอกชนในประเทศ 
 
กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำ MIPLUS-SSF (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี แฮปปี้ อินคัม พลัส ชนิดเพื่อการออม) ลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
 
กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลก MGFSSF (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส ชนิดเพื่อการออม) มีนโยบายจ่ายเงินปันผลและ MGFRMF (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส เพื่อการเลี้ยงชีพ) ซึ่งเป็นชนิดหน่วยลงทุนประเภท SSF และ RMF ของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส (MGF) โดยมีกองทุนหลัก คือ Threadneedle (Lux) - Global Focus Fund เพียงกองทุนเดียว ซึ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Market) และประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
 
ส่วนการลงทุนในหุ้นไทย แนะนำกองทุน Thai ESG ที่เน้นลงทุนหุ้นไทยกลุ่มหุ้นยั่งยืน ได้แก่ MT25-ThaiESG (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ท็อป 25 หุ้นไทย เพื่อความยั่งยืน) ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นไทยตัวท็อปที่เติบโตและยั่งยืน ลงทุนในหุ้นไทยที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี SET ESG Index จํานวน 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ และ MFLEX-ThaiESG (กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี เฟล็กซิเบิลไทย เพื่อความยั่งยืน) เป็นกองทุนผสมลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก และอื่นๆ โดยเน้นลงทุน  ในหลักทรัพย์ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องด้านความยั่งยืน (Sustainability Project)
 
ทั้งนี้ MFC ยังได้จัดโปรโมชั่นสำหรับซื้อกองภาษีวันนี้ ทุก 50,000 บาท รับหน่วยลงทุนกองทุน MMGOVMF มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธ.ค.นี้ เฉพาะกองทุนที่ร่วมรายการ และสำหรับลูกค้าใหม่เปิดบัญชีผ่าน MFC Wealth App รับหน่วยลงทุนของกองทุน MMGOVMF มูลค่า 200 บาท ถึงวันที่ 30 ธ.ค. 67 นี้ 
 
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม หรือขอรับหนังสือชี้ชวน ได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร. 043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324–25 หรือที่เว็บไซต์ www.mfcfund.com 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ย. 2567 เวลา : 10:39:14
23-11-2024
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (22 พ.ย.67) บวก 5.84 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,446.30 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (22 พ.ย.67) บวก 8.45 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,448.91 จุด

3. MTS Gold คาดว่าราคาทองคำจะมีแนวรับที่ระดับ 2,650 เหรียญ และแนวต้านที่ระดับ 2,700 เหรียญ

4. ตลาดหุ้นไทยเปิด (22 พ.ย.67) บวก 4.22 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,444.68 จุด

5. ทองเปิดตลาดวันนี้ (22 พ.ย. 67) พุ่งขึ้น 300 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 44,500 บาท

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (21 พ.ย.67) พุ่ง 461.88 จุด รับปัจจัยบวกแรงซื้อหุ้นวัฏจักร

7. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (21 พ.ย.67) พุ่ง 23.20 เหรียญ นักลงทุนแห่ซื้อทองสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครนรุนแรงขึ้น

8. "ยอดดอย" อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7 องศา , มรสุมพัดปกคลุมภาคใต้ ส่งผลภาคใต้ ฝนฟ้าคะนอง 70-80%

9. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (22 พ.ย.67) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์

10. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 34.65-34.90 บาท/ดอลลาร์

11. ตลาดหุ้นปิด (21 พ.ย.67) ลบ 22.02 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,440.46 จุด

12. ประกาศ กปน.: 26 พ.ย. 67 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนเพชรเกษม

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (21 พ.ย.67) ลบ 18.69 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,443.79 จุด

14. MTS Gold คาดมีกรอบแนวรับ 2,630 เหรียญ และมีแนวต้านที่ 2,675 เหรียญ

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (20 พ.ย.67) พุ่งขึ้น 20.70 เหรียญ เหตุสงครามรัสเซีย-ยูเครน หนุนแรงซื้อทอง

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 4:26 pm