
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ให้การต้อนรับคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงจำนวน 35 คนจากธนาคาร ซีอาร์ดีบี (CRDB) ธนาคารชั้นนำของประเทศแทนซาเนีย ที่เดินทางมาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องความยั่งยืน ประเด็นการเงิน การค้าระหว่างประเทศ และบริการสำหรับสถาบันการเงิน การเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของทัวร์ศึกษาดูงานที่จัดโดย Common Purpose องค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลก เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาภาวะผู้นำเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันข้ามวัฒนธรรม สถาบัน และภาคส่วนต่างๆ
เนื้อหาของการแลกเปลี่ยนมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน และโครงสร้างทางการเงินที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่าน (transition-aligned structures) ในภูมิภาคอาเซียน และแอฟริกาตะวันออก โดยเฉพาะการจำแนกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยอิงตาม Taxonomy (taxonomy-based screening) และการเสริมสร้างความพร้อมในการเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate disclosure readiness) และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงในเศรษฐกิจ (real-economy outcomes)
ผู้เข้าร่วมได้เปรียบเทียบแนวทางการพัฒนาด้านการเงินต่าง ๆ กับกรอบการเงินเพื่อความยั่งยืนกับของประเทศไทย รวมถึง “Thailand Taxonomy” ที่ใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในการจำแนกกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความคืบหน้าของการเปิดเผยข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ISSB/IFRS S2
ทั้งสองธนาคารยังได้หารือแนวทางสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างภูมิภาคอาเซียนและแอฟริกา รวมถึงการสร้างโอกาสด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพภายในองค์กร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในสายงานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องการบริการลูกค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินโดยตรง ผ่านแนวทางการจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศ” (Center of Excellence) เพื่อบูรณาการความรู้ด้านความยั่งยืนเข้าไปในทุกสายงานธุรกิจ ตลอดจนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่านโครงการพัฒนาภาวะผู้นำและเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของพนักงาน เพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ลูกค้าในทุกระดับ
เจสัน ลี Head, Sustainability ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable banking) จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อศักยภาพและความเชี่ยวชาญ กรอบโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ และวัฒนธรรมองค์กร พัฒนาไปพร้อมกัน นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนความคิดกับ CRDB ครั้งนี้ยังเป็นการพูดคุยเชิงปฏิบัติอย่างแท้จริง เพื่อปรับการดำเนินงานของธนาคารให้มีความอย่างยืน สอดคล้องกับมาตรฐานการกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ (Taxonomies) และการเตรียมความพร้อมรายงานด้านความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามมาตรฐาน IFRS รวมถึงการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (sustainability-linked financing) ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพและความเชี่ยวชาญ เพื่อวางรากฐานความยั่งยืนในองค์กร”
CIMB THAI ได้แบ่งปันแนวทางด้านธรรมาภิบาลและเครื่องมือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้กลยุทธ์ Forward30 ของกลุ่มซีไอเอ็มบี อาทิ Sustainability Control Tower, โครงการที่ปรึกษา Sustainability360 และ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน โดยกลุ่มซีไอเอ็มบีตั้งเป้าระดมทุนการเงินเพื่อความยั่งยืน 300,000 ล้านริงกิตภายในปี 2573 อนึ่ง CIMB Thai ออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรก ปี 2567 ซึ่งเป็น พันธบัตรทุนชั้นที่ 2 ฉบับแรกของประเทศไทย อายุ 10 ปี ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่และชำระดอกเบี้ยรายไตรมาส โดยเสนอขายให้นักลงทุนสถาบันและรายใหญ่ เพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อความยั่งยืน ขณะเดียวกัน CRDB ซึ่งมีสินทรัพย์รวมกว่า 16.7 ล้านล้านชิลลิงแทนซาเนีย ได้ออกพันธบัตรสีเขียวแบบหลายสกุลเงิน หรือ Kijani Bond เพื่อระดมทุนสำหรับโครงการพลังงานหมุนเวียน เกษตรอัจฉริยะ และอาคารสีเขียว พันธบัตรนี้เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในแทนซาเนียและภูมิภาคแอฟริกาซับซาฮารา โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ดาร์เอสซาลามและลักเซมเบิร์ก สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อสินทรัพย์เพื่อความยั่งยืนในแอฟริกาและสนับสนุนเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศแทนซาเนีย
ข่าวเด่น