หุ้นทอง
"แม็คกรุ๊ป" MC ไตรมาสแรกปี 69 รายได้ทะลุ 900 ล้าน ช้อปออนไลน์โตสนั่น!!!


“แม็คกรุ๊ป”  โชว์งบไตรมาสแรก ปีบัญชี” 69 แข็งแกร่ง โกยรายได้ 901 ล้าน ช้อปออนไลน์ทะลุจุดเดือด!!! ไตรมาสเดียวขายกว่า 252 ล้านบาท โตขึ้น 100% ดันสัดส่วนรายได้เฉียดแตะ 30% ของยอดขายทั้งหมด  ด้าน ”ซีอีโอ “ MC ลั่น  เดินหน้าใช้ฐานความเชี่ยวชาญในธุรกิจ 50 ปี เงินสดในมือ 2 พันล้าน และไม่มีหนี้ต่อยอดธุรกิจสร้างการเติบโต!!!   

 
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ  MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์  “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานของบริษัท  ยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะคนละครึ่งพลัส และเที่ยวดีมีคืน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นและจะส่งดีต่อภาพรวมผลดำเนินงานของบริษัท ในรอบปีบัญชี 2569 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ผลดำเนินงานในงวดไตรมาส 1 ปี บัญชี 2569  (1 ก.ค 2568 – 30 ก.ย. 2568)   บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท หรือ 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้จากช่องทางออนไลน์ ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในงวดนี้สัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 28% ของยอดขายรวม จากก่อนหน้าอยู่ที่ 15%  ส่วนช่องทางออฟไลน์มีรายได้ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ทำให้ประชาชนใช้สอยนอกบ้านลดลง 
 
“ยอดขายของ แม็คกรุ๊ป ผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตดีมากในงวดนี้มีรายได้รวมทั้งสิ้นรายได้ 252 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 126 ล้านบาทหรือ  100.8% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน  ขณะที่ สัดส่วนรายได้ช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ลดลงมาอยู่ 55%  จากงวดก่อนหน้าอยู่ที่ 66% โดยมี รายได้ 496 ล้านบาท ลดลง 58 ล้านบาทหรือ  10.5 %, ห้างสรรพสินค้า (Department Store)  มีสัดส่วน 16 %ลงมาจาก 17% โดยมีรายได้ 142 ล้านบาทลดลง 6 ล้านบาทหรือ 3.8%และช่องทางอื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วน  1%” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป กล่าว 
 
นายแมทธิว กล่าวว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ ในไตรมาส 1 ปีบัญชี 2569 บริษัทมีกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท ลดลง 10 ล้านบาท หรือ  7.6% โดยมีอัตรากำไรสุทธิ  13.4% ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากรายได้อื่นที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและบันทึกบัญชีในปีก่อนไปแล้ว และหากดูผลดำเนินงานปกติ ในงวดไตรมาสนี้ จะเห็นว่าบริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาทหรือ  5.5 % จากยอดขายที่สูงขึ้นโดยอัตรากำไรขั้นต้นที่อยู่ที่  64.4 % ยังทรงตัวในระดับสูงแม้ว่า  บริษัทจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ในช่วงรอยต่อของรัฐบาล 

ทั้งนี้  ณ วันที่ 30 กันยายน 2568  บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวรวม 2,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89 ล้านบาทหรือ 4% จาก 1,984 ล้านบาทเทียบงวดเดียวกับปีก่อน และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% หรือ 229 ล้านบาท เปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5,500 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126 ล้านบาท  เปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 3,718 ล้านบาท   

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม็คกรุ๊ป กล่าวถึง พัฒนาการและแนวโน้มการเติบโตในอนาคตว่า มีเป้าหมายเติบโตทั้งยอดขายและกำไรในทุกช่องทางทั้ง ออนไลน์ และ ออฟไลน์ โดยใช้ประสบการณ์และทรัพยากรที่เพียบพร้อมจากรากฐานอันยาวนานกว่า 50 ปี  ทั้งการมี จุดขายที่ครอบคลุมทั้ง ออนไลน์ และ ออฟไลน์,  มีโรงงานผลิตสินค้าที่มีความชำนาญการ และมีศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองที่เปิดทำการในรอบปีบัญชีที่ผ่านมา รวมทั้ง บริษัท มีการศึกษาพัฒนาแผนงาน สำหรับช่องทางอื่นอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยายช่องทางไปต่างประเทศ และการซื้อขาย ควบรวมกิจการ รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยมีความพร้อมและความคล่องตัวและสามารถทำทันทีเมื่อมีความมั่นใจจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สิน 
 
ขณะที่ในมิติความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทจะร่วมกับพันธมิตร  วางแผนที่จะนำวัสดุรักษ์โลกมาใช้ในกางเกงยีนส์ทุกรุ่นในปี 2569   รวมทั้งบริษัทได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์สินค้าจากพลาสติกแบบเดิมไปเป็นพลาสติกรีไซเคิล ที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งล่าสุดบริษัทได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ (CGR) ปี 2568 ในระดับ “ดีเลิศ” เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย, ได้รับผลการประเมิน SET ESG Ratings ปี 2567 ในระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  และยังได้รับการประเมินคุณภาพการจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น “AGM Checklist 2567” ด้วยคะแนนสูงสุด 100 คะแนนเต็ม ที่ระดับ “ดีเยี่ยมสมควรเป็นตัวอย่าง” โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย  
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 11 พ.ย. 2568 เวลา : 11:21:46
12-11-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. MTS Gold ราคาทองประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,070-4,100 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,150-4,200 เหรียญ

2. ทองเปิดตลาดวันนี้ (12 พ.ย. 68) ลดลง 50 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,250 บาท

3. พยากรณ์อากาศวันนี้ (12 พ.ย.68) ลมหนาวเยือนภาคอีสาน อุณหภูมิลด 1-2 องศา ยอดดอย 10 องศา,ประเทศไทยตอนบนยังมีฝนบางแห่ง 20% กทม. 30% ภาคตะวันออก 40% ภาคใต้ 30-40%

4. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (11 พ.ย.68) พุ่ง 559.33 จุด ขานรับชัตดาวน์ใกล้ยุติ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (11 พ.ย.68) ลบ 5.7 ดอลลาร์ ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือนหน้า

6. ตลาดหุ้นไทยเปิด (12 พ.ย.68) บวก 0.81 จุด ดัชนี 1,301.28 จุด

7. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.55บาท/ดอลลาร์

8. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (12 พ.ย.68) ทรงตัว ที่ระดับ 32.39 บาทต่อดอลลาร์

9. ตลาดหุ้นปิด (11 พ.ย.68) ลบ 5.79 จุด ดัชนี 1,300.47 จุด

10. ประกาศ กปน.: 12 พ.ย. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนบางนา-ตราด

11. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (11 พ.ย.68) ลบ 1.78 จุด ดัชนี 1,304.48 จุด

12. MTS Gold คาดว่าจะมีเป้าหมายการขึ้นถัดไปที่ระดับ 4,240 เหรียญ ก่อนที่จะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 4,380 เหรียญในลำดับต่อไป ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,070 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,200 เหรียญ

13. ทองเปิดตลาดวันนี้ (11 พ.ย. 68) พุ่งขึ้น 950 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,200 บาท

14. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (10 พ.ย.68) พุ่ง 381.53 จุด ขานรับความหวังชัตดาวน์ใกล้ยุติ

15. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (10 พ.ย.68) พุ่ง 112.2 ดอลลาร์ คาดเฟดลดดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. หลังข้อมูลศก.ซบ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 12, 2025, 1:56 pm