กองทุนรวม
MFC ชี้เป้ากองทุน RMF - ThaiESG ลดหย่อนภาษี แนะวางแผนกระจายการลงทุน - สร้างโอกาสพอร์ตโตระยะยาว


บลจ.เอ็มเอฟซี ชี้เป้า 7 กองทุน RMF-ThaiESG ลดหย่อนภาษี แนะวางแผนกระจายการลงทุนสร้างผลตอบแทนระยะยาว คัดสรรการลงทุน เน้นกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ ทนทานกับทุกสภาวะตลาด พร้อมเปิดโอกาสรับสิทธิลดหย่อนภาษีปีนี้ สูงสุดถึง 800,000 บาท  

 
นายเชาวน์กร  โชติบัณฑ์  Executive Vice President - Head of Investment Strategy บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศ กล่าวว่า ในปีนี้นักลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สูงสุด 800,000 บาท แบ่งเป็นจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) 500,000 บาท และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) 300,000 บาท  การวางแผนภาษีและกระจายการลงทุนทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ระยะยาว 

โดยภาพรวมการลงทุนทั่วโลกยังมีความผันผวน แต่การลงทุนในพอร์ตที่กระจายความเสี่ยง จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน  ซึ่งทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ซึ่ง MFC ประเมินช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 ถึงต้นปี 2569 แนวโน้มตลาดหุ้นโลกยังขยายตัวได้ต่อและไม่น่าจะมีปัจจัยลบเชิงรุนแรงกดดันภาพรวมตลาดในระยะสั้น การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีจำเป็นต้องมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

สำหรับกองทุน RMF ที่แนะนำมี 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ        (M-FIX) กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 4 นโยบายลงทุนตราสารหนี้คุณภาพ เหมาะกับช่วงที่ตลาดรอดูทิศทางดอกเบี้ย เป็นกองทุนที่อยู่ในกลุ่ม Mid-Term Bond  เหมาะสำหรับใช้พักเงินระยะสั้น  มีสภาพคล่องสูง โอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำกว่าหุ้น 

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล สตราทีจิค อัลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ (MGALL-RMF) เน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก SPDR® Bridgewater® All Weather® ETF (ALLW) ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิดพอร์ต All Weather ให้มีความยืดหยุ่น และสามารถรับมือกับสภาวะตลาดที่แตกต่างกันได้ทั้งในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว เงินเฟ้อสูง หรือเศรษฐกิจถดถอย กองทุนหลักมีการบริหารแบบเชิงรุก และกระจายลงทุนในหุ้น พันธบัตร ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก บริหารจัดการโดย Bridgewater ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารเงินลงทุน (Hedge Fund) ชั้นนำของโลก ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1975 โดย Ray Dalio มีประสบการณ์ยาวนานในการบริหารพอร์ตแบบหลายสินทรัพย์ (Multi-asset) ทั้งนี้ กองทุน MGALL-RMF จัดอยู่ในระดับความเสี่ยง 5

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล โฟกัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (MGFRMF) กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6 ลงทุนหุ้นคุณภาพทั่วโลก (Quality Growth Stock)  ผ่านกองทุนหลัก Threadneedle (Lux) Global Focus Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ มีความได้เปรียบในการแข่งขัน มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด  เนื่องจากหุ้นเติบโตคุณภาพดี มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีกำไรและรายได้เติบโตสม่ำเสมอ โดยกองทุนหลักจะคัดเลือกหุ้นโดยเน้นหุ้นเติบโตคุณภาพดี  กระจายพอร์ตลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้ง Information Technology, Industrials และ Financials และกองทุนหลักได้รับ Morning Star 5 ดาว เหมาะกับใช้เป็นพอร์ตหลัก เลือกลงทุนได้ทั้งแบบระยะยาวหรือลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) 

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอนเนอร์จี เพื่อการเลี้ยงชีพ (MRENEWRMF) ลงทุนหุ้นเกี่ยวข้องกับพลังงานยั่งยืนและพลังงานทดแทนทั่วโลก (Renewable Energy)  ที่จะมาทดแทนพลังงานจากเชื้อเพลิงในรูปแบบเก่า ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก BGF Sustainable Energy Fund เน้นลงทุน 3 ธีมหลัก ได้แก่ Clean Power, Energy Efficiency และ Clean Transportation จัดสรรน้ำหนักการลงทุนให้ใกล้เคียงกัน เพื่อกระจายการลงทุนให้พอร์ตรวมมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยพอร์ตการลงทุนมีหุ้น 30-60 บริษัท เป็นหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่ Market Cap มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งในสหรัฐฯ และภูมิภาคยุโรป เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ที่มั่นคง (Large-cap)  มีงบการเงินแข็งแกร่ง ทนทานต่อทุกภาวะเศรษฐกิจ และมีความผันผวนต่ำ กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 7

ส่วนกองทุน ThaiESG แนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน (MSOV-ThaiESG) กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 3 เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในตราสารภาครัฐไทย รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ และสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (ESG BOND) 

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลไทยเพื่อความยั่งยืน (MFLEX-ThaiESG) กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 5 กองทุนผสมระหว่างหุ้น กับตราสารหนี้ที่มี ESG Rating Score สูง เน้นสร้างผลตอบแทนและลดความผันผวนตามสภาวะตลาด SETESG TRI 70% + ThaiBMA ESG Bond Index 30% ซึ่งมีความหยืดหยุ่น สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ได้ตั้งแต่ 0-100% ตามสภาวะตลาด โดยทีมลงทุนมีความชำนาญในการบริหารกองทุนผสมกว่า 20 ปี เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว คาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป และสามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ 

กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีท็อป 25 หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (MT25-ThaiESG) เน้นลงทุนหุ้นยั่งยืนตัวท็อป 25 บริษัท จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของ SETESG Index Diversified Sector   มีการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละ Sector โดยกระจายแต่ละ Sector ไม่เกิน 5 หลักทรัพย์ เหมาะกับ  ผู้ลงทุนที่เน้นผลตอบแทนในระยะยาว สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนจากราคาหุ้นได้ กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6

สำหรับนักลงทุนที่ซื้อกองทุนภาษี RMF, ThaiESG ที่ร่วมรายการกับ MFC ทุก 50,000 บาท รับกองทุนพันธบัตรรัฐบาล MMGOVMF มูลค่า100 บาท ตั้งแต่วันนี้ - 30 ธ.ค. 68 เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร. 0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร. 043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร.0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324–25 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mfcfund.com 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 28 พ.ย. 2568 เวลา : 17:32:28
02-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (2 ธ.ค.68) บวก 1.01 จุด ดัชนี 1,277.58 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ธ.ค.68) ลบ 4.77 จุด ดัชนี 1,271.80 จุด

3. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 2 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 3 ตัดถนนรัชดาภิเษก

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้นแนวรับที่ 4,200-4,180 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,250-4,280 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (1 ธ.ค.68) บวก 19.90 ดอลลาร์ รับความหวังเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (1 ธ.ค.68) ร่วง 427.09 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง-ภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่ 9

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น "ยอดดอย" 4 องศา,ภาคใต้ฝนน้อย

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (2 ธ.ค.68) บวก 1.03 จุด ดัชนี 1,277.60 จุด

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (2 ธ.ค. 68) ร่วงลง 450 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,750 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (2 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.02 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.90 - 32.15 บาท/ดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (1 ธ.ค.68) บวก 19.88 จุด ดัชนี 1,276.57 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (1 ธ.ค.68) บวก 12.00 จุด ดัชนี 1,266.69 จุด

14. ทีทีบีคาดสัปดาห์นี้ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85 - 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดเงินจับตาเฟดลดดอกเบี้ย ธ.ค.

15. MTS Gold คาดราคาทองคำได้กลับเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,210-4,190 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,280-4,300 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 2, 2025, 9:20 pm