กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และ กรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมวินัยการออม สำหรับผู้ต้องขัง และงานมอบรางวัล กิจกรรม “กอช. สร้างอาชีพ มีรายได้ เพิ่มเงินออม” โดยมี นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และพันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมลงนาม และมอบรางวัล ณ ห้องสัมมนากรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 กรมราชทัณฑ์ นนทบุรี

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของกองทุนการออมแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ ที่ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อส่งเสริมวินัยการออมและสร้างหลักประกันบำนาญสำหรับผู้ต้องขัง ความร่วมมือในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของสองหน่วยงานที่มีร่วมกัน โดยภารกิจหลักของกอช. คือ ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ข้อมูล องค์ความรู้ต่างๆ ด้านการวางแผนการเงิน รวมถึงปลูกฝังวินัยการออมให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน 143 แห่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์ก็มีนโยบายให้ผู้ต้องขังออมเงินระหว่างถูกคุมขัง และเมื่อพ้นโทษไปแล้ว ก็สามารถออกไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ลดโอกาสในการกลับมากระทำผิดซ้ำ มีเงินบำนาญไว้ใช้ในยามเกษียณ ซึ่งจะช่วยลดภาระของรัฐและสังคมในระยะยาว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กอช. เปิดโอกาสให้ประชาชนที่เป็นนักเรียน นักศึกษา แรงงานนอกระบบ หรือ
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุระหว่าง 15 - 60 ปี ได้มีทางเลือกในการออมเงินเพื่ออนาคต เพื่อสร้างหลักประกันบำนาญที่มั่นคงในยามเกษียณ โดยสามารถออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาทต่อปี และได้รับเงินสมทบจากรัฐสูงสุดถึง 100% หรือไม่เกิน 1,800 บาทต่อปีตามช่วงอายุ นอกจากนี้ กอช. ยังได้พัฒนานวัตกรรมการออมอย่าง "สลาก กอช." ซึ่งเป็นสลากขูดดิจิทัล ที่ผสมผสานการออมเข้ากับการลุ้นรางวัล ภายใต้แนวคิด "ศุกร์ได้ลุ้น – สุขได้ออม" โดยไม่ว่าจะถูกรางวัล หรือไม่ถูกรางวัล เงินทุกบาทที่ซื้อสลากจะกลายเป็นเงินออมทั้งหมด โดยคนไทยทุกคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป สามารถซื้อได้ และจะได้เงินก้อนและผลตอบแทนคืนเมื่ออายุครบ 60 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้เงินก้อนและผลตอบแทนคืนนับจากซื้อสลากครั้งแรก 5 ปี
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อเป็นการขอบคุณที่ส่งเสริมความร่วมมือสนับสนุนให้ผู้ต้องขังเข้าถึงการออม และสร้างขวัญกำลังใจในการร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมการออมให้แก่ผู้ต้องขังให้ได้รับบำนาญทั่วหน้ายามเกษียณ กอช. จึงได้จัดงานมอบรางวัลจากการดำเนินกิจกรรม ประจำปี 2568 ดังนี้
1. กิจกรรม “กอช. สร้างอาชีพ มีรายได้ เพิ่มเงินออม” ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR ให้แก่ เรือนจำ/ทัณฑสถานที่มีผลการดำเนินงานดีเด่น ที่มียอดสมาชิกใหม่ ดังนี้
1.1 เกียรติบัตรหน่วยงานส่งเสริมการออมกับ กอช. ดีเด่น จำนวน 9 รางวัล ได้แก่
1.1.1 เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี
1.1.2 เรือนจำกลางราชบุรี
1.1.3 เรือนจำจังหวัดลำพูน
1.1.4 เรือนจำกลางลำปาง
1.1.5 ทัณฑสถานหญิงกลาง
1.1.6 เรือนจำกลางเขาบิน
1.1.7 ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง
1.1.8 เรือนจำกลางบางขวาง
1.1.9 เรือนจำกลางลพบุรี
โดยทั้ง 9 เรือนจำ มีจำนวนสมาชิก กอช. รวมทั้งสิ้น 2,160 ราย
1.2 เกียรติบัตรบุคคลส่งเสริมการออมดีเด่น ให้แก่ผู้ประสานงานเรือนจำ/ทัณฑสถานดีเด่นจาก
9 เรือนจำ รวม 17 รางวัล
1.3 เกียรติบัตรและรางวัล “ชุดแจ้งเกิด” ที่มอบให้ผู้ต้องขังที่เป็นสมาชิก กอช. และกำลังพ้นโทษ เรือนจำ/ทัณฑสถานละ 1 รางวัล เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการประกอบอาชีพเมื่อพ้นโทษ โดยรางวัลชุดแจ้งเกิดนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สิ่งของหรือเงินทุนเท่านั้น แต่เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ และ “แจ้งเกิด” ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสังคมที่ประกอบอาชีพสุจริต มีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว
2. รางวัล The Best Agent เป็นรางวัลที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง กอช. และเรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่ช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมให้มีสมาชิก กอช.
3. กิจกรรมมอบรางวัลส่งเสริมการออมสำหรับเรือนจำและทัณฑสถาน ที่มีผลงานส่งเสริมการออมกับ กอช. ดีเด่น ประจำปี พ.ศ.2568 จำนวน 6 รางวัล ได้แก่
3.1 เรือนจำกลางราชบุรี ได้รับรางวัลสมัครสมาชิกใหม่สูงสุด
3.2 เรือนจำกลางเขาบิน ได้รับรางวัลยอดเงินรวมสะสมสูงสุด
3.3 ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้รับรางวัลยอดเงินรวมสะสมสูงสุด
3.4 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ได้รับรางวัลยอดเงินรวมสะสมสูงสุด
3.5 เรือนจำกลางนครสวรรค์ ได้รับรางวัลยอดเงินรวมสะสมสูงสุด
3.6 เรือนจำกลางบางขวาง ได้รับรางวัลยอดเงินรวมสะสมสูงสุด
โดยทั้ง 6 เรือนจำ มีจำนวนสมาชิก กอช. รวมทั้งสิ้น 5,370 ราย
พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กระผมในนามของกรมราชทัณฑ์ รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ในการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การส่งเสริมวินัยการออมสำหรับผู้ต้องขัง ระหว่าง กองทุนการออมแห่งชาติ กับ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของความร่วมมือในครั้งนี้ คือ มุ่งเน้นการส่งเสริม “วินัยการออม” สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน สอดคล้องกับภารกิจหลักของกรมราชทัณฑ์ในการควบคุมดูแล และพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากล เพื่อปกป้องและคุ้มครองสังคมให้ปลอดภัย

“การออมเงิน” ถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง โดยให้โอกาสผู้ต้องขังได้เริ่มสะสมเงินออมตั้งแต่ยังอยู่ในเรือนจำ และรู้จักวางแผนอนาคตของตนเอง ผ่านการสะสมเงินออมเพื่อใช้ในยามชราภาพ กองทุนการออมแห่งชาติ จึงเข้ามาเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถเริ่มต้นการออมเงินได้ตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน และได้รับผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อให้ได้รับสิทธิในการสร้างหลักประกันชีวิตที่มั่นคงเหมือนประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้ผู้ต้องขังมีกำลังใจพัฒนาตนเอง เห็นคุณค่าและความสำคัญของการจัดการเงินอย่างเป็นระบบ รวมถึงสร้างความหวังและความมั่นใจให้แก่ผู้ต้องขังในการกลับสู่สังคมอย่างภาคภูมิ

กรมราชทัณฑ์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเสริมภารกิจการพัฒนาพฤตินิสัยให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งในด้านความรู้ความเข้าใจเรื่องการออม การวางแผนด้านการเงิน และการสร้างวินัยทางการเงิน อันเป็นทักษะที่สำคัญของผู้ต้องขังในการปรับตัวเข้ากับสังคม อีกทั้งยังทำให้กระบวนการดูแลและพัฒนาผู้ต้องขังมีความยั่งยืนมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม มาเป็นครอบครัวเงินออมได้ที่ : Line @nsf.th
ฝากติดตามข่าวสารและกิจกรรมของกองทุนการออมแห่งชาติได้ที่ :
• Facebook: กองทุนการออมแห่งชาติ-กอช.
• แอปพลิเคชัน กอช.
• เว็บไซต์: www.nsf.or.th
• สายด่วน กอช. 02-0499000 ได้ทุกวันจันทร์–ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30–17.30 น.
ข่าวเด่น