เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
มาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้


นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2568 และได้ขยายเป็นวงกว้างครอบคลุม 12 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินบ้านเรือน และกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังจึงได้ประสานสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions: SFIs) ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จัดทำมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ตามประกาศกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. โครงการช่วยเหลือ พักเงินต้น ยกดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ (โครงการช่วยเหลือฯ)
เพื่อลดภาระการชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ของ SFIs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และเพื่อบรรเทา
ความเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ SFIs ให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว โดยลูกหนี้ได้รับการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 เดือน โดย SFIs ยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้ (คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี) และให้ความช่วยเหลือรายละไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อ SFIs โดยลูกหนี้ยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 31 มกราคม 2569

2. โครงการสินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ (โครงการสินเชื่อเพื่อเยียวยาฯ)
เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยมีสภาพคล่องฉุกเฉินในการดำรงชีพ หรือใช้เป็นเงินทุนในการประกอบอาชีพหรือใช้เป็นเงินทุนในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบการ โดย SFIs สนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมให้ลูกหนี้เดิมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับ SFIs วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ลูกหนี้เดิมของ SFIs สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2569

3. โครงการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ (โครงการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูฯ)
เพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยมีเงินทุน เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย หรือฟื้นฟูการประกอบอาชีพ โดย SFIs สนับสนุนสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประสบอุทกภัยมีเงินทุน เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย หรือฟื้นฟูการประกอบอาชีพ SFIs วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 1,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี ผู้ประสบอุทกภัยสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2569

สำหรับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ที่ประสบอุทกภัย คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังประสานธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอดคล้องกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือของ SFIs โดยเร็วต่อไป

กระทรวงการคลัง เห็นว่ามาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ให้มีภาระต้นทุนลดลงและมีเงินทุนหมุนเวียน สามารถฟื้นฟูกิจการ ปรับปรุงและซ่อมแซมที่พักอาศัย อาคาร โรงงาน เครื่องจักร เพื่อให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดและไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อไป 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
 
ธนาคารออมสิน โทร. 02 299 8000 หรือสายด่วน 1115
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02 645 9000
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 02 265 3000 หรือสายด่วน 1357
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โทร. 02 169 9999 
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 02 650 6999 หรือสายด่วน 1302
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ธ.ค. 2568 เวลา : 19:03:47
02-12-2025
เบรกกิ้งนิวส์
1. ตลาดหุ้นปิด (2 ธ.ค.68) บวก 1.01 จุด ดัชนี 1,277.58 จุด

2. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (2 ธ.ค.68) ลบ 4.77 จุด ดัชนี 1,271.80 จุด

3. ประกาศ กปน.: ด่วนมาก!!! คืนวันนี้ 2 ธ.ค. 68 น้ำไหลอ่อนไม่ไหล ถนนพระรามที่ 3 ตัดถนนรัชดาภิเษก

4. MTS Gold คาดราคาทองคำยังคงรักษาแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้นแนวรับที่ 4,200-4,180 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,250-4,280 เหรียญ

5. ทองนิวยอร์กปิดเมื่อคืน (1 ธ.ค.68) บวก 19.90 ดอลลาร์ รับความหวังเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า

6. ดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อคืน (1 ธ.ค.68) ร่วง 427.09 จุด เหตุบอนด์ยีลด์พุ่ง-ภาคการผลิตหดตัวเป็นเดือนที่ 9

7. พยากรณ์อากาศวันนี้ (2 ธ.ค.68) ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา ฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น "ยอดดอย" 4 องศา,ภาคใต้ฝนน้อย

8. ตลาดหุ้นไทยเปิด (2 ธ.ค.68) บวก 1.03 จุด ดัชนี 1,277.60 จุด

9. ทองเปิดตลาดวันนี้ (2 ธ.ค. 68) ร่วงลง 450 บาท ทองรูปพรรณ ขายออก 64,750 บาท

10. ค่าเงินบาทเปิดวันนี้ (2 ธ.ค.68) อ่อนค่าลงเล็กน้อย ที่ระดับ 32.02 บาทต่อดอลลาร์

11. ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.90 - 32.15 บาท/ดอลลาร์

12. ตลาดหุ้นปิด (1 ธ.ค.68) บวก 19.88 จุด ดัชนี 1,276.57 จุด

13. ตลาดหุ้นปิดภาคเช้า (1 ธ.ค.68) บวก 12.00 จุด ดัชนี 1,266.69 จุด

14. ทีทีบีคาดสัปดาห์นี้ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85 - 32.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดเงินจับตาเฟดลดดอกเบี้ย ธ.ค.

15. MTS Gold คาดราคาทองคำได้กลับเข้าสู่ทิศทางแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน ประเมินกรอบระยะสั้น แนวรับที่ 4,210-4,190 เหรียญ และแนวต้านที่ 4,280-4,300 เหรียญ

อ่านข่าว เบรกกิ้งนิวส์ ทั้งหมด
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 2, 2025, 9:19 pm