
สภาวะของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงไม่ฟื้นตัวดีขึ้นนัก ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงไปอีก หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ และปัจจัยรุมเร้าที่เข้ามาท้าทายเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจต้องมีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย อย่างการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อเข้ามาพยุงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้
ด้วยสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ที่รุนแรงกว่าปีอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ขณะที่ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ธ.ค. 2568 ที่ยังต้องรับมือกับความเสียหายหลังจากมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท หรือกินสัดส่วน 0.1% - 0.2% ของ GDP และอาจเกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อรายได้สูงถึง 9 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว
โดย GDP ของทั้งปี 2568 ทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์เศรษฐกิจทิสโก้ (TISCO ESU) คาดการณ์ว่าจะขยายตัวใกล้เคียงเพียง 2% หากว่าไตรมาสสุดท้ายของปีขยายตัวได้ 0.7% จากมาตรการภาครัฐ ส่วนในปี 2569 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงมาอีกอยู่ที่ 1.6% เนื่องจากมีปัจจัยกดดันรุมเร้าเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากแรงกดดันของสงครามการค้าที่มาตรการภาษีของสหรัฐยังไม่แน่นอน จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่มากขึ้น รวมถึงความเสี่ยงของการปิดชายแดน ซึ่งกระทบต่อภาคการผลิต การจ้างงาน และกำลังซื้อในประเทศไทย ขณะที่เศรษฐกิจไทยเองนั้น ที่มีแนวโน้มโตต่ำกว่าศักยภาพในปี 2569 และเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่เป็นปัญหาใหญ่ ก็ยิ่งทำให้การบริโภคภายในอ่อนแอลง
ส่วนในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SME ยังคงมีความเปราะบางเช่นกัน ซึ่งจำเป็นต้องดูแลต้นทุนการกู้ยืมให้ไม่ฉุดกำไรและการจ้างงานลงอีก (SME เป็นแหล่งจ้างงานหลักของประเทศกว่า 70%) ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อของไทยก็ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1.3% ทำให้ทั้ง TISCO ESU และ บล.กรุงศรี มีการประเมินว่า จากปัจจัยหนุนนำข้างต้น จะทำให้ กนง. พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17 ธ.ค. 2568 นี้ ลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในช่วงสิ้นปี และอาจมีการลดต่อเนื่องเหลือ 1.00% ในรอบการประชุมรอบแรกของปีหน้า
ซึ่งก็มีความสอดคล้องกับสถานการณ์นอกประเทศเช่นกัน เพราะด้วยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกยังคงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในสหรัฐ และประเด็นของภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคุกรุ่นอยู่ ได้ส่งผลต่อทางธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ที่มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ อันเป็นการสานต่อวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
ทั้งนี้ หากในปีหน้า มาตรการ Thailand Fast Pass ที่เร่งรัดการลงทุนขนาดใหญ่ด้วยการปลดล็อคปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อเอื้อต่อการดึงดูดการลงทุนนั้น สามารถนำร่องได้ตามเป้าใน 80 โครงการ หรือคิดเป็นมูลค่า 4.8 แสนล้านบาท ก็อาจมีส่วนช่วยยกระดับแรงงานไทย รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะมีส่วนช่วยกู้คืนการเติบโตเศรษฐกิจไทยอย่างเต็มศักยภาพได้อีกครั้ง
ข่าวเด่น