Special Report : ยังไม่จบ "เงินเฟ้อสหรัฐ" สูงเกินคาด 8.2% เพิ่มปัจจัยให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเร่ง


 

 

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2565 เวลา 19.30 ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรือค่า CPI ที่ใช้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคว่าในรอบเดือนก.ย.2565 มีการพุ่งขึ้นเป็น 8.2% แม้จะชะลอตัวลงจากที่ระดับ 8.3% ในเดือน ส.ค.2565 ครั้งก่อน แต่ก็เป็นค่าที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 8.1% จึงอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เข้มงวดมากกว่าเดิม

 


 
 
สถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐ และพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกนับว่ายังคงไม่สู้ดี และดูว่ายังคงไกลกับคำว่า "ทรงตัวได้" อยู่ค่อนข้างมาก เพราะเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ประกอบกับสภาวะ Recession ของสหรัฐที่เฝ้าระวังกันอยู่อย่างใกล้ชิด ทำให้ค่าของ CPI ในรอบเดือนก.ย.ยังคงอยู่ที่ระดับน่าเป็นห่วง และยังสูงกว่าค่าที่คาดการณ์เอาไว้ แม้จากตารางด้านบนจะพบว่า ค่า CPI ได้มีทิศทางโน้มลงจากจุดพีคของรอบเดือน มิ.ย.2565 ที่ระดับ 9.1% ไปแล้วก็ตามที แต่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายของ Fed ที่มุ่งดำเนินภารกิจให้ค่าเงินเฟ้อเหลือเพียง 2% ตามที่วางไว้ ทำให้แนวโน้มที่ทาง FOMC จะเดินหน้าใช้ไม้แข็งปรับลดอัตราเงินเฟ้อด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อๆไปยังคงมีอยู่

 
 
 
 
ซึ่งผนวกกับข้อมูลของทาง CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนได้ให้น้ำหนัก 97.2% ที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมของวันที่ 2 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าทั่วโลกยังคงต้องประสบสภาวะทางการเงินที่มีความตึงตัวต่อไป อย่างเช่นในประเทศไทยของเราเอง ก็ยังคงต้องรับมือกับกำลังซื้อ และสภาวะค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยนโยบายระหว่างสหรัฐ-ไทย ซึ่งมีผลกับเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ที่ยังต้องคอยประคับประคองอย่างใกล้ชิดเอาไว้อยู่

 
 
 
ส่วนทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเหรียญคริปโต หลังการประกาศค่า CPI ที่สูงกว่าการคาดการณ์ก็ทำให้ตลาดเกิดอาการตกใจ จนเหรียญแม่อย่างเหรียญ Bitcoin มีการปรับตัวลดลงทันทีลงไปแตะจุดต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 18,196 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะรีบาวน์ขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 19,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ดังเดิม แต่ก็ยังนับว่ามีอาการทรงตัวที่ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ จากการที่อยู่ในช่วงตลาดหมีที่มีผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องคอยติดตามการประชุมของ Fed ในครั้งต่อไปในวันที่ 2 พ.ย.นี้ว่าจะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเข้มงวดต่อไปหรือไม่
 
 
 
ที่มา

-https://www.cmegroup.com/

-https://th.investing.com/

-http://www.binance.com/

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ต.ค. 2565 เวลา : 16:34:25
กลับหน้าข่าวเด่น
06-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 6, 2024, 5:38 am