จากบทความที่ผมได้เขียนขึ้นและนำเสนอท่านผู้อ่านในข้อที่ 1 ที่บอกถึงลักษณะและรูปแบบคนที่จะไปกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินบางประการ ผมต้องขอย้ำว่า ไม่ใช่ทุกคน แต่เป็นลักษณะที่พบและเข้ามาหาเครดิตบูโรแบบไม่เข้าใจ พกพาความโกรธและโทสะแบบจัดเต็ม แต่เมื่อได้รับฟังข้อมูลก็จะเข้าอกเข้าใจ ในข้อ 2 ก็บอกถึงกระบวนการและความคิดของสถาบันการเงินในการวิเคราะห์คนที่มาขอกู้ว่าสถาบันการเงินเขาคิดอย่างไร ทำไมเขาคิดอย่างนั้น วันนี้ผมขอต่อนะครับ

3. ลักษณะหนึ่งที่มีเข้ามาหารือและหาทางออกกับเครดิตบูโร ทั้งที่พบเมื่อเวลาผมไปเดินสายเผยแพร่ข้อมูล และพบที่สำนักงานให้บริการที่สำนักงานใหญ่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชั้น 2 อาคาร 2 ที่พระรามเก้า คือ ลักษณะคนเคยค้าง ต่อมาจ่ายหนี้ที่ค้าง และต้องการจะได้เงินจากการเป็นหนี้ครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้

กล่าวคือ ตัวเองมีหนี้แล้วจะด้วยเหตุอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะอ้างว่าลืมไปจ่าย ไปต่างประเทศ ธนาคารไม่แจ้ง ไม่บอกเลยไม่ไปจ่าย สารพัดเหตุผลข้ออ้าง แต่ที่สุดคือไม่ได้ไปจ่ายตามวันและจำนวนที่กำหนดไว้ ทำให้สถาบันการเงินที่เขาไม่ได้รับชำระนั้น ส่งข้อมูลในเดือนที่เราไม่ได้ชำระว่า เรามีประวัติการค้างชำระ เช่น เดือนสิงหาคม 2555 ตามสัญญาเราต้องจ่ายเงินงวดผ่อนชำระสินเชื่อบุคคล 4,500 บาท แต่เราไม่ได้ไปจ่าย สถาบันการเงินก็จะส่งข้อมูลเข้ามาที่เครดิตบูโรว่า ในเดือนสิงหาคม 2555 เราจะมีประวัติค้างชำระ 31 วัน แต่ยังไม่เกิน 60 วัน ภาษาชาวบ้านเรียกว่าค้างชำระหนี้ 1 งวดนั่นเอง

เครดิตบูโรไม่ได้คิดเองทำเองครับ สถาบันการเงินเจ้าหนี้ของเรา เขาส่งข้อมูลตามจริงเข้ามา พอเดือนกันยายน 2555 เราเอาเงินไปจ่ายส่วนที่ค้างของเดือนสิงหาคม และส่วนที่ต้องจ่ายในเดือนกันยายน 2555 ที่ถึงกำหนดประวัติของเราก็จะถูกส่งมาที่เครดิตบูโรในเดือนกันยายน 2555 ว่าไม่ค้างชำระ สถานะบัญชีสินเชื่อบุคคลบัญชีนี้จะเป็นปกติ

ปัญหามันอยู่ที่ว่า อยากได้เงินกู้ก้อนใหม่ในเดือนตุลาคม 2555 เป็นจำนวน 50,000 บาท เพราะคิดว่าหรือถูกแนะนำว่า จ่ายคืน 4,500 บาท แล้วจะได้เงินใหม่ 50,000 บาท จะได้มีเงินส่วนต่างของ 50,000 - 4,500 บาท เอามาใช้และเป็นหนี้ต่อ ฝันไปเองว่าได้กำไรเงินมา ฝันไปว่าจ่ายน้อยได้คืนกลับมามาก คิดไปเองว่าก็จ่ายคืนแล้วฉันเป็นคนที่เคยค้าง ตอนนี้เคลียร์แล้ว ควรต้องให้เงินกู้ฉันสิ เรื่องมันไม่ง่ายนะครับ สับขาหลอกแบบนี้ในโลกปัจจุบันมันไม่มีใครโง่กว่าใคร มันทันกันครับ

โดยทั่วไป หากเหตุผลที่ค้างไม่ดีพอ และรายได้ของเราที่แสดงสำหรับเงินกู้ก้อนใหม่ไม่มากพอ อีกทั้งบัญชีอื่นๆ ของเราที่มีอยู่นอกจากบัญชีที่ว่านี้แล้ว ก็ยังมีการแสดงว่าค้างชำระอยู่ โอกาสที่จะได้สินเชื่อใหม่ก็จะยากนะครับ เพราะเจ้าหนี้ใหม่เขาก็กลัวว่าพฤติกรรมแบบนี้จะมาเกิดกับเขาได้ เพราะมันเพิ่งจะจบไปในเดือนที่ย้อนหลังไปเพียง 2 เดือน

สถาบันการเงินโดยทั่วไป จึงกำหนดระยะวัดใจนับจากวันที่ค้างและวันที่เคลียร์แล้วตั้งแต่ 6 เดือนถึง 24 เดือน นั่นหมายความว่า ต้องรอครับ ลองเอาใจของสถาบันการเงินมาใส่ใจเรา เอาใจคนฝากเงินมาใส่ใจเรา เราคิดว่าเขาทำถูกไหม ถ้าเพื่อนเราเป็นแบบนี้ มาขอกู้เรา เราให้เงินกู้ทันทีหรือไม่ ผมรู้ว่าท่านรู้คำตอบอย่างแน่นอนครับ เพราะท่านเป็นคนไทยที่มีเหตุและผลจริงมั้ย

สุรพล โอภาสเสถียร

ผู้จัดการใหญ่

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด