สุขภาพ
'มะเร็ง' เพชฆาตคร่าไทยเบอร์ 1




 วันมะเร็งโลก วนกลับมาอีกครั้งซึ่งตรงกับทุกวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมากทำให้เราสามารถรักษามะเร็งได้ หากสามารถตรวจพบได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ยังสามารถเอาชนะโรคนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ จากเหตุดังกล่าวทำให้มะเร็งยังคงเป็นเพชฆาตสำคัญที่คร่าชีวิตชาวโลก เช่นเดียวกับในไทยที่ มะเร็งยังคงเป็นเพชฆาตเบอร์

ทั้งนี้มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของคนทั่วโลก ดังเฉพาะในปี 2551(2008) เพียงปีเดียว มะเร็งคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 7.6 ล้านคน ในโอกาสวันมะเร็งโลกจึงมีการรณรงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคนี้แก่ประชาชน เช่นเดียวกับในไทย ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และสมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศไทย จัดงานวันมะเร็งโลก โรงแรมรามาการ์เดนส์ 

 

ไทยป่วยมะเร็งลำไส้เพิ่ม

ในโอกาสดังกล่าว นพ.วิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันมะเร็งโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยโรคมะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ขณะที่ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มะเร็งที่พบในไทยนั้น  มะเร็งลำไส้มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น 10%  ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของคนเมืองที่มักไม่ค่อยออกกำลังกาย นิยมรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอาหารประเภทปิ้ง ย่าง ที่ไหม้เกรียม รับประทานผักน้อย

ที่ผ่านมาไทยมีแผนการป้องกันและควบคุมมะเร็งแห่งชาติมาตั้งแต่ 2540 (1997) แล้ว งานครั้งล่าสุดนี้จึงมีความสำคัญเพราะจะมีการปรับแผนการป้องกันและควบคุมมะเร็งขึ้นมาใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ และวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนในยุคปัจจุบัน 

นอกจากนี้ยังมุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งแก่ประชาชนด้วย เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคร้ายกลุ่มนี้ว่า มะเร็งบางชนิดสามารถป้องกันได้ คือ มะเร็งตับและมะเร็งปอด และมะเร็งบางชนิดสามารถตรวจพบได้ในระยะแรก ซึ่งจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้

นพ.ภัทรพงศ์ พรโสภณ อายุรแพทย์โรคเลือดและมะเร็งวิทยา กลุ่มงานเคมีบำบัด สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การรับประทานผักเยอะๆ จะไม่ทำให้เซลล์มะเร็งโต ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะหากไม่รับประทานเนื้อสัตว์เลย อาจจะทำให้เกิดโรคโลหิตจางขึ้นมาด้วย ขณะเดียวกันการรับประทานเนื้อสัตว์ก็ควรระวัง ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ประเภทปิ้งย่างจนเกรียม เพราะไขมันในสัตว์ที่ถูกไหม้จนเกรียมจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้ 

ส่วนอีกความเชื่อที่พบมาก คือ การใช้สมุนไพรรักษามะเร็ง โดยส่วนตัวไม่ได้ต่อต้านเรื่องนี้ แต่หากผู้ป่วยรายใดจะใช้ ขอให้ศึกษาอย่างละเอียด รวมถึงดูว่ามีงานวิจัยรองรับด้วยหรือไม่ เพราะสมุนไพรบางชนิดแม้ว่าจะมีสรรพคุณในการเพิ่มภูมิต้านทานโรค เช่น เห็ดหลินจือ หญ้าปักกิ่ง แต่เมื่อมีการนำไปใช้ร่วมกับการรักษาทางเคมีอาจจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้ โดยจะทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวในผู้ป่วยต่ำและไม่สามารถให้ยาในการรักษาได้

 

เห็ดหลินจือ-‘อวิ๋นจือต้านมะเร็ง

อย่างไรก็ดี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สมุนไพรหลากชนิด ยังเป็นที่สนใจของเหล่านักวิทยาศาสตร์นักวิจัย เพื่อค้นหาคุณสมบัติช่วยต้านมะเร็ง ในจำนวนนี้รวมถึง เห็ดหลินจือด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเห็ดสมุนไพรที่จีนใช้กันมานานกว่า 2,000 ปี ไทยเองก็สนใจศึกษา โดย นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ได้ร่วมกับ 11 ภาคี ศึกษาวิจัย เห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือ ในไทยที่มีผลต่อการต้านมะเร็งซึ่งผลการศึกษาช่วยตอกย้ำสรรพคุณของเห็ดชนิดนี้ โดยพบว่ามีสารสำคัญเป็นสารกลุ่มโพลีแซ็กคาไรด์ ที่มีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้จิตสงบ เป็นยาระบายอ่อนๆ 

ที่สำคัญยังมีสาร ไทรเทอร์ปีน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้ง เซลล์มะเร็งด้วย ซึ่งพบมากในส่วนสปอร์ โดยที่สปอร์ที่กะเทาะผนังหุ้มมีสาระสำคัญและฤทธิ์ทางยาดีกว่าสปอร์ที่ไม่กะเทาะผนังหุ้มหลายเท่า นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า สารสกัดดอกเห็ดและสปอร์มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ปกติที่ไม่ใช่มะเร็ง และการศึกษาฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งของสารสกัดเห็ดหลินจือและสปอร์เห็ดหลินจือในหลอดทดลองพบว่า ทำให้เซลล์มะเร็งตายได้

ขณะนี้การศึกษาอยู่ในขั้นรอผลการวิจัยทางคลินิกถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ และสปอร์เห็ดหลินจือในผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คาดว่า จะแล้วเสร็จในอนาคตอันใกล้

ส่วนเห็ดอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อคล้ายกัน คือ เห็ดอวิ๋นจือ  พบว่า มีสรรพคุณต้านมะเร็งเหมือนกัน เป็นเห็ดที่พบในจีน ซึ่งนักวิจัยมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ วิจัยพบว่า  มีสาร“PSP” ที่ช่วยลดผลข้างเคียงของผู้ป่วยมะเร็งอันเกิดจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดและการฉายรังสี ทำให้ผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เป็นอีกความหวังในการต่อสู้กับมะเร็ง โดยเป็นไปได้ว่า สารนี้อาจทำให้เซลล์ของโรคร้ายนี้ยุบเล็กลง ไปจนถึงหยุดการลุกลามของโรคได้ในที่สุด

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากเห็ดทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว หรือสมุนไพรอย่างอื่น ที่เชื่อว่ามีสรรพคุณต้านมะเร็งขายในท้องตลาด อย่างไรก็ตาม หากจะเลือกซื้อหามาใช้คงต้องปรึกษาแพทย์ก่อ นเพื่อความไม่ประมาท หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไว้ก่อน


LastUpdate 06/02/2556 11:13:00 โดย : Admin
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 4:57 am