การตลาด
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ปตั้งเป้าปี 57 รายได้โต 10% เล็งขยายสาขาตจว. ร่วมดันกลยุทธ์ขายสื่อโฆษณาร่วมค่ายหนังครบวงจร


 

 

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ปมองธุรกิจโตต่อเนื่อง ปี57 ตั้งเป้ารายได้กลุ่มโต 10%  ผ่านการขยายสาขาเพิ่มที่เน้นต่างจังหวัดเพื่อกระตุ้นยอดรายได้และกระตุ้นการชมหนังไทย พร้อมดึงกลยุทธ์ขายสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ร่วมกับ 3 ผู้ผลิตหนังในเครือ ตั้งเป้ายอดขายโฆษณาโต 10-15% ชี้การเมืองไม่กระทบธุรกิจโรงหนัง

 

 

 

 

 
นายนิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2557 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่ดำเนินธุรกิจหลายอย่างทั้งธุรกิจโรงภาพยนตร์ โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ พื้นที่เช่า ขายโฆษณาและผลิตภาพยนตร์ยังมุ่งมั่นมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2556 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้ายอดรายได้ปี 2557 เติบโต 10%   จากรายได้รวม 7,711 ล้านบาทปี 2556 และมีสัดส่วนรายได้ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งในปี 2556 มีรายได้จากขายบัตรภาพยนตร์เป็นสัดส่วน 70% จากธุรกิจสื่อโฆษณา 12% ธุรกิจพื้นที่เช่า 9% และธุรกิจโบว์ลิ่ง 9% ในส่วนของรายได้จากสื่อโฆษณาปี 2557 ตั้งเป้าเติบโต 10-15% จากยอด 1,077 ล้านบาทของปีที่แล้ว
 
 
 
 
ทั้งนี้กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่การเติบโตดังกล่าวของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ส่วนหนึ่งมาจากการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ ที่ได้มุ่งเน้นขยายในพื้นที่ต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเหมือนปี 2556 โดยจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ  เช่น เทสโก้ โลตัส เป็นต้น คาดจะเปิดในประมาณ 7-8 ทำเล เช่น จ.สุพรรณบุรี นครพนม ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี บางใหญ่ นนทบุรีและภูเก็ต ประมาณ 76-77 สาขา รวม 520 โรง โดยจะใช้งบประมาณลงทุนราว 800-1,000 ล้านบาท  
 
 
 
 
นายนิธิกล่าวว่า การขยายสาขาจะส่งผลดีในแง่รายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นการนำภาพยนตร์ไทยของบริษัทผลิตภาพยนตร์ในเครือที่จะผลิต 15 เรื่องขยายไปฉายตามสาขาต่างจังหวัดด้วย คาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดภาพยนตร์ไทยให้โตขึ้นจาก 30-35% เป็น 40% ได้ในปี 2557 สร้างรายได้ราว 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้สาขาที่เปิดใหม่ยังจะนำตู้ซื้อขายตั๋วอัตโนมัติมาบริการเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าอีกทางหนึ่ง ขณะที่สาขาเก่าจะค่อย ๆ ทยอยนำมาใช้ โดยสาขาต่างจังหวัดที่นำตู้ขายตั๋วฯมาใช้แล้วประสบความสำเร็จเช่น ที่หาดใหญ่ ที่มีผู้ซื้อตั๋วผ่านตู้สูงถึง 83% เวลานี้สาขาทั่วประเทศนำตู้มาใช้แล้ว 40% ตั้งเป้าปีนี้ขยายเป็น 60-70%
 
 
 
 
 
กลยุทธ์ที่สำคัญอีกอย่างเพื่อหนุนการเติบโตของกลุ่มจะมาจากการขายสื่อโฆษณารูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าที่เรียกว่า Synergy Pack  ซึ่งเป็นโมเดลการขายแพคเก็จสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์(Screen Ad)ร่วมกับค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์ในเครือ ได้แก่ ค่ายเอ็มพิคเจอร์ส(M Pictures) ,เอ็มเทอร์ตี้ไนน์(M 39)และทาเนต์1 (Talent 1) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือทางการตลาดให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร โดยใช้สื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่มีอยู่หลากหลายทั้งในโรงภาพยนตร์และนอกโรงภาพยนตร์ เช่น โฆษณาบนจอภาพยนตร์ โฆษณาบนจอวีดีโอบริเวณโถงชั้นล่างด้านนอกโรงหนัง โฆษณาบนป้ายพลิกได้ 3 หน้า โฆษณาบนจอพลาสมา โฆษณาบนเมนู บอร์ด รวมถึงบนสื่อกลางแจ้ง รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับค่ายหนัง ตั้งแต่การร่วมโปรโมทภาพยนตร์ การวางแบรนด์สินค้าในภาพยนตร์ การวางแผนส่งเสริมการขายร่วมกับภาพยนตร์ที่สามารถนำเสนอผ่านภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ พร้อมเน้นทำโรดโชว์ต่างจังหวัด โดยเชิญลูกค้ามามีส่วนร่วม ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์ 
 
นายนิธิกล่าวว่า ปีนี้คาดว่าการขายสื่อโฆษณาตามภาพยนตร์จะเติบโตด้วยดี ซึ่งจะมีภาพยนตร์ทั้งไทยและต่างประเทศเข้าฉาย  โดยมั่นใจว่า ถ้ามีภาพยนตร์ฟอร์มดีเข้ามามากจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 4,000 ล้านบาทและคาดว่าจะเติบโตเป็นประมาณ 5,000 ล้านในปี 2557 นี้  ขณะเดียวกันยังจะส่งผลดีต่อการขายสื่อโฆษณาตามภาพยนตร์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ปด้วย โดยคาดว่าการขายโฆษณาผ่านโรงภาพยนตร์จะเติบโตเป็น 50% จาก 30% ในปีที่แล้วและมีสาขาสยามพารากอนจะทำรายได้สูงสุดหรือคิดเป็นประมาณ 10% ของเป้าดังกล่าว ซึ่งที่สยามพารากอนเป็นเพียงสาขาเดียวที่ได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากปัญหาการชุมนุมทางการเมือง  ส่วนสาขาอื่นไม่กระทบ
 
 
 
นอกเหนือจากนั้นทางเมเจอร์ยังปรับกลยุทธ์รูปแบบการสื่อสารการตลาดแบบผสมผสานระหว่างสื่อออฟไลน์ควบคู่ไปกับออนไลน์ที่มีอยู่ในมือหลายอย่าง อีกทั้งพัฒนาสื่อดิจิตอลออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมยุคดิจิตอลในปัจจุบัน  พร้อมทั้งจะจัดแคมเปญเกี่ยวกับผู้ชมกลุ่มใหม่ ๆ เช่น ผู้สูงอายุ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ชมภาพยนตร์และเพื่อดึงลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามา ซึ่งในปี 2557 ตั้งเป้าเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ให้ได้ 20% เน้นไปที่สินค้าสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์และเป็นกลุ่มประชากรที่มีขนาดใหญ่ขึ้น  
 
สำหรับลูกค้าสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์รายใหญ่ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ (โตโยต้า อีซูซุ) กลุ่มสถาบันการเงิน การท่องเที่ยว กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้สมาคมมีเดียเอเยนซีธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย(MAAT) คาดว่า จะเติบโตราว 4-6% เป็นมูลค่า 146,000 ล้านบาท  
 
 
 
 

LastUpdate 05/03/2557 02:53:30 โดย : Admin
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 4:58 am