กีฬา
"ซัวเรช"โทษใครไม่ได้.....by คุณนกฮูก


 

 
 
 
เผลอแป๊บเดียว มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งที่ 20 ที่ประเทศบราซิล ก็เดินทางมาครึ่งทาง คือจบรอบแรกไปแล้ว ซึ่งเพียงแค่รอบแรก ก็มีหลายทีมดังที่ต้องกระเด็นตกรอบไป ไม่ว่าจะเป็น "กระทิงดุ"สเปน แชมป์ครั้งที่แล้ว,"อัสซูรี"อิตาลี เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย , โปรตุเกส ของคริสเตียโน โรนัลโด นักเตะรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือฟีฟ่า บัลลงดอร์ คนล่าสุด รวมถึง "สิงโตคำราม" อังกฤษ ทีมที่แฟนบอลไทยหลายคนเอาใจช่วย

 

 
 
 
แต่ประเด็นที่เป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ มากที่สุดในช่วงนี้ ไม่ใช่การตกรอบของเหล่าทีมดัง (เพราะนั่นเป็นสัจธรรมของโลกอยู่แล้ว ไม่มีใครชนะตลอดกาล และไม่มีใครแพ้ตลอดไป) หากแต่เป็นพฤติกรรมของ "หลุยส์ ซัวเรช" ดาวยิงอุรุกวัย ที่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปกัดหัวไหล่ของ "จิออร์จิโอ ชิเอลลินี" ของอิตาลี ในเกมสุดท้ายรอบแรก กลุ่มดี ซึ่ง อุรุกวัย ชนะ อิตาลี 1 - 0 ส่งผลให้อิตาลีตกรอบไป



 
 
งานนี้หลักฐานมัดตัว ซัวเรช ชัดเจนว่าผิดจริง คลิปตอนกัด ถูกเผยแพร่ในโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้เจ้าตัวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งที่ถูกวิจารณ์หนักก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะลำพังการกระทำนี้ก็เกินที่หลายคนจะรับไหวแล้ว เพราะ ซัวเรช เคยทำอย่างนี้มาแล้วด้วยถึง 2 ครั้ง

โดยในการเล่นระดับสโมสร "ซัวเรช" เคยกัดคู่แข่งมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2010 ตอนนั้น เขาเล่นให้ทีม อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม แล้วไปกัด "อ็อตแมน บาคเกล" ของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน จนโดนแบนไป 7 นัด และเมื่อปีที่แล้ว "ซัวเรช" ที่เล่นให้ลิเวอร์พูล ก็ไปกัดแขน "บรานิสลาส อิวาโนวิช" ของ เชลซี โดนแบนไป 10 นัด
 
ส่วนในครั้งนี้ที่เขาไปกัด "ชิเอลลินี" ทางฟีฟ่ากำหนดโทษแล้ว คือ แบน 9 นัดในระดับนานาชาติ รวมทั้งห้ามแข่งขันทุกรายการที่ฟีฟ่ารับรอง 4 เดือน และปรับเงิน 100,000 ฟรังค์สสวิส หรือ 65,680 ปอนด์ เท่ากับว่า "ซัวเรซ" จะลงเล่นได้ก็ปาเข้าเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และเขาไม่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติอุรุกวัยในฟุตบอลโลกครั้งนี้ต่อไปแน่นอนแล้ว ไม่ว่า "อุรุกวัย" จะไปได้ไกลแค่ไหนก็ตาม
 
โทษครั้งนี้ "ซัวเรช" จะโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเขาเองที่ทำผิด ซึ่งสมควรจะโดนแบนยาวกว่านี้ด้วยซ้ำไป และเสียงขานรับจากคนส่วนใหญ่ก็คือ "ซัวเรช" สมควรที่จะถูกลงโทษ และโทษที่ได้รับก็ไม่ได้เกินกว่าเหตุ แต่ทางอุรุกวัยยังดูเหมือนจะยังปกป้อง "ซัวเรช" อยู่ โดย "อเลยานโดล บัลบี"
ทนายความส่วนตัวของของซัวเรช ก็โบ้ยไปว่าเรื่องนี้เป็นแรงกดดันจากอังกฤษและอิตาลี เพราะเรื่องอย่างนี้เคยเกิดขึ้นที่อังกฤษและอิตาลีตกรอบ
ซึ่งก็นับเป็นคำพูดที่น่าขัน
 
 
 
 
ความจริงแล้ว เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเขาเองและเขาก็ไม่ได้หยุดพฤติกรรมฉาว จะไม่มีแรงกดดันมาทำอะไรได้ ถ้าเขาไม่ทำตัวเอง (ยังไม่นับกรณีอื้ฉาวอื่นๆ ของเขา ทั้งเหยียดผิวและเคยจงใจทำแฮนด์บอล) และหากจะอ้างว่าอิตาลีกดดัน ก็ไม่ใช่อีก อิตาลีไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการกระทำของซัวเรช หากวันนั้นเป็นอิตาลีที่เข้ารอบ ก็ไม่ได้ทำให้ซัวเรชรอดจากการถูกลงโทษ หรือถูกลงโทษน้อยลงแต่อย่างใด
 
และตอนที่เขียนบทความก็มีข่าวว่า อุรุกวัยอาจประท้วงในการไม่ลงแข่งขันในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่จะเจอกับ โคลัมเบีย ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหากเป็นจริง นอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไร ยังทำให้ภาพลักษณ์ของอุรุกวัยแย่ลงที่ไม่ยอมรับว่านักเตะของตัวเองผิด

เรื่องของ "ซัวเรช" คงต้องรอดูว่าอุรุกวัยจะอุทธรณ์โทษหรือไม่ และหากพ้นโทษแล้ว เขาจะยังทำผลงานดีหรือเปล่า โดยตอนนี้ "บาร์เซโลนา" ทีมยักษ์ใหญ่จากสเปน ก็พร้อมจะทุ่มเงินดึงเขาไปร่วมทีมแม้จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น นอกจากนี้ ยังจะต้องดูว่าในฟุตบอลโลกรอบต่อๆ ไปนี้ จะมีเหตุการณ์ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อะไรอีกหรือไม่

**

สำหรับโปรแกรมฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย มีดังนี้

รอบ 16 ทีมสุดท้าย

28 มิถุนายน 23.00น. บราซิล- ชิลี
 
28 มิถุนายน 03.00น. โคลัมเบีย- อุรุกวัย
 
29 มิถุนายน 23.00น. เนเธอร์แลนด์ - เม็กซิโก

29 มิถุนายน 03.00น. คอสตาริกา- กรีช
 
30 มิถุนายน 23.00น.ฝรั่งเศส - ไนจีเรีย

30 มิถุนายน 03.00น. เยอรมนี - แอลจีเรีย

1 กรกฎาคม 23.00น. อาร์เจนตินา- สวิตเซอร์แลนด์
 
1 กรกฎาคม 03.00น. เบลเยียม -สหรัฐอเมริกา
 

LastUpdate 28/06/2557 17:26:26 โดย : Admin
11-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 11, 2024, 4:34 am