สมาคมประกันชีวิตแจง 6 เดือน แบงก์แอสชัวรันซ์โตกระฉูด 33% แรงผลักสำคัญดันเบี้ยรับรวมโต 19% ไล่บี้ช่องทางตัวแทน ย้ำครึ่งปีหลังโอกาสเติบโตได้อีก ชี้ปัจจัยหนุนอีกเพียบ ทั้งเศรษฐกิจฟื้นตัว-ซื้อลดหย่อนภาษี
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม-มิถุนายน) ช่องทางขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) สามารถขยายตัวได้อย่างร้อนแรงมาก โดยสร้างเบี้ยได้ถึง 118,516 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 33% ซึ่งมีสัดส่วนในการสร้างเบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบมากถึง 46.4% แม้ว่าสัดส่วนการสร้างเบี้ยจะยังเป็นอันดับสองรองจากช่องทางตัวแทน แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก
ส่วนช่องทางตัวแทนที่สร้างเบี้ยได้มากที่สุดคิดเป็นสัดส่วน 46.9% หรือมีมูลค่าเบี้ย 120,030 ล้านบาท แต่ก็เติบโตเพียง 8.2% เท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นการขายผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น นายหน้า สหกรณ์ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร มีเบี้ย 9,714 ล้านบาท เติบโต 28% คิดเป็นสัดส่วนเบี้ย 3.8% และสุดท้ายคือช่องทางขายผ่านโทรศัพท์ 7,430 ล้านบาท เติบโต 5.8%สัดส่วน 2.9%
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกนั้น ประกันชีวิตทั้งระบบมีเบี้ยรับรวม 255,689.6 ล้านบาท เติบโต 19.2% ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าคาดการณ์ของสมาคมฯ ที่ประเมินว่าปีนี้ธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยทั้งปีที่ 12%
เมื่อลงในรายละเอียดการเติบโตดังกล่าว จะแบ่งเป็น เบี้ยประกันชีวิตรายใหม่ 92,188.4 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของการขายรายใหม่ที่ยังเติบโตได้ค่อนข้างดีมาก แม้ในช่วงเวลาดังกล่าวจะเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจซบเซา และมีเบี้ยต่ออายุ 163,501 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16% และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 87% ที่ชี้ให้เห็นถึงคุณภาพการขายและการให้ความสำคัญของประกันชีวิต
“การเติบโตที่ดีนี้มาจากปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ตั้งแต่การแข่งขันของธุรกิจประกันชีวิตที่เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น บริการใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ช่องทางขายที่หลากหลายเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะในเรื่องการอนุมัติรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว” นางบุษรากล่าว
ทั้งนี้ สมาคมฯ ยังยืนยันคาดการณ์เป้าหมายเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้ไว้ที่ 12% เช่นเดิม แม้ว่าครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยสนับสนุนด้านการเติบโตที่มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ปัจจัยฤดูกาลที่ครึ่งปีหลังมักจะมียอดการซื้อเบี้ยประกันมากกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะการซื้อเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ขณะเดียวกันก็ยังมีปัจจัยเรื่องกรมธรรม์ที่ครบกำหนดจ่ายเบี้ย และกรมธรรม์ที่ครบอายุ ซึ่งจะมีจำนวนมากในครึ่งปีหลังเช่นกัน ปัจจัยนี้จะทำให้เบี้ยต่ออายุอาจเติบโตได้จำกัด และขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของบริษัทประกันชีวิตที่เร่งพัฒนายอดขายจากกรมธรรม์ใหม่ๆ เข้ามาชดเชยด้วย
ข่าวเด่น