3 บริษัทประกันภัยขาใหญ่แจงผลงาน 6 เดือนแรก โกยกำไรโตถ้วนหน้า "กรุงเทพประกันภัย" ปั๊มกำไรทะลุ 1 พันล้าน ควักจ่ายปันผลแล้วรวม 5.5 บาท/หุ้น "ทิพยประกันภัย" ไม่น้อยหน้า ปรับพอร์ตลงทุน ดันกำไรพุ่งพรวด 14% ส่วน "เมืองไทยประกันภัย" ประคองตัว กำไรโตเบาๆ 5% กระเป๋าตุงกว่า 470 ล้าน
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,779.7 ล้านบาท ลดลง 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีกำไรจากการรับประกันภัย 537.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% มีรายได้สุทธิจากการลงทุน 676.1 ล้านบาท ลดลง 19% และมีกำไรสุทธิ 1,038.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
ผลประกอบการที่ดีดังกล่าว ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดที่ 2 (รอบผลดำเนินงาน เม.ย.-มิ.ย.2557) ในอัตรา 2.75 บาท/หุ้น หลังจากก่อนหน้านี้ได้จ่ายเงินปันผลในงวดที่ 1 (รอบผลการดำเนินงาน ม.ค.-มี.ค.2557) ไปก่อนแล้วในอัตรา 2.75 บาท/หุ้น เช่นกัน
ด้าน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่แจ้งผลประกอบการมีเบี้ยประกันภัยรับ 9,379 ล้านบาท ลดลง 2% กำไรสุทธิ 681.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14%
นายพหุล พูนธีระกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทิพยประกันภัย กล่าวว่า กำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นดังกล่าวนั้น เป็นผลมาจาก 2 ส่วน คือ กำไรจากการรับประกันภัยลดลงเล็กน้อยราว 1.5% หรือมาอยู่ที่ 494 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการรับเสี่ยงภัยไว้เองมากขึ้น จึงทำให้ในช่วงต้นจะรับรู้รายได้จากการรับประกันภัยและค่านายหน้าลดลง
และส่วนที่สองที่มีนัยสำคัญมากกว่า คือ กำไรจากการลงทุน ที่ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรถึง 388 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 44% เนื่องจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวขึ้นมามากจากปลายปีที่แล้ว รวมถึงบริษัทได้ปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ในช่วงที่ผ่านมา จึงสามารถทำกำไรส่วนนี้ได้เพิ่มขึ้น
ส่วน บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ 2,614 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10% และมีกำไรสุทธิ 473.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ กรณีของเมืองไทยประกันภัยนั้น พบว่ามีกำไรจากการรับประกันภัยลดลง 3% มาอยู่ที่ 409 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากอัตราสินไหมที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังมีผลกระทบเรื่องกำไรจากการลงทุนที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก อันเนื่องมาจากภาวะตลาดการลงทุนในครึ่งปีแรกที่ซบเซา แต่ยังมีรายได้จากเงินลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่สร้างรายได้ดีขึ้นมาชดเชย
.jpg)
ข่าวเด่น