การตลาด
สกู๊ป"ยำยำ"เร่งรีเฟรชแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไล่บี้แชร์มาม่า


 
 
หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่วันนี้ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบะหมี่กึงสำเร็จรูปตรา ยำยำ จัมโบ้  พร้อมแล้วที่จะออกมาสู้ศึกตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทย  แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะมีอัตราการเติบโตชะลอตัวอยู่ที่ประมาณ  3-5%  เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง

สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร  เลือกนำมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วง 5   เดือนสุดท้ายของปีนี้  คือ  การออกมารีเฟรชแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ จัมโบ้  ในรอบ  10  ปี  เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและสื่อสารความสุขถึงความอร่อยที่ ยำยำจัมโบ้ จะมอบให้กับผู้บริโภค  ด้วยการเพิ่มรอยยิ้มเข้าไปในโลโก้สินค้า

 
 
นายทะคะชิ  คะตะกะมิ  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด กล่าวว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจของ ยำยำจัมโบ้ นับจากนี้บริษัทจะเน้นไปที่การส่งมอบความสุขให้กับผู้บริโภคชาวไทยและอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก  ด้วยการตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านความอร่อย เนื่องจากบริษัทเลือกใช้วัตถุดิบจริงมาผลิตเป็นสินค้าอย่างพิถีพิถันจนได้รสชาติอร่อยเข้มข้น รับรู้ถึงรสจากส่วนผสมจริง  ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างของยำยำ ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

ทั้งนี้  หลังจากได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ใหม่  ด้วยการเน้นความสดใส  มีชีวิตชีวา และทันสมัย  เพื่อจะสื่อสารความสุขจากความอร่อยสู่ผู้บริโภค   บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร ยังได้ใช้ “ยำยำจัมโบ้” เป็น Sub-brand หลักของยำยำ ที่มีจุดเด่นเรื่องปริมาณเต็มอิ่มเต็มความอร่อย โดยการปรับโลโก้และแพคเกจ พร้อมออกแคมเปญยำยำจัมโบ้ ความสุขคำโต ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่ปริมาณเต็มอิ่ม แต่ผู้บริโภคจะได้รับความอร่อยที่มาจากการคัดเลือกวัตถุดิบและการผลิตอย่างพิถีพิถันอีกด้วย เพื่อสื่อถึงภาพรวมของแบรนด์ว่า “ยำยำจัมโบ้” ให้ความสุขที่ใหญ่กว่า และจะทำการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรควบคู่ไปกับแคมเปญ “ยำยำจัมโบ้  ความสุขคำโต” (More for Bigger Happiness)

นอกจากนี้   ยังได้มีการใช้งบประมาณ  100   ล้านบาท  ตอกย้ำการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ของ ยำยำจัมโบ้   ด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อทีวี วิทยุออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และป้ายโฆษณากลางแจ้ง เช่น บิลบอร์ดขนาดใหญ่ บริเวณตึกแฝดที่มองเห็นได้ทั้งจากบริเวณทางด่วนพระราม 4 ท่าเรือขาเข้า

 
 
 
พร้อมกันนี้   ยังจัดแคมเปญเพิ่มความสุขจากความอร่อยกัน ทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ “ยำยำจัมโบ้ เพิ่มความอร่อย ให้สุขคำโต” โดยยำยำจัมโบ้ได้ร่วมกับร้านอาหารดังทั่วไทย เติมเต็มความสุขให้เพิ่มยิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค เพียงนำซองเปล่ายำยำจัมโบ้รสใดก็ได้ จำนวน 3 ซอง แล้วสั่งเมนูเด็ดของทางร้าน ได้รับสิทธิ์เสริฟเมนูเด็ดในปริมาณที่มากขึ้น ที่ร้านอาหารดังทั่วไทยกว่า 60 ร้าน ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.- 31 ต.ค.นี้

 นายทะคะชิ  กล่าวว่า เพื่อสร้างแบรนด์ ยำยำจัมโบ้  ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นและเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค  บริษัทได้  3 ซุปเปอร์สตาร์ อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์  มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ให้กับยำยำจัมโบ้ รสต้มยำกุ้ง และ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับยำยำจัมโบ้ รสหมูสับ  ผ่านภาพยนตร์โฆษณา  เนื่องจากดาราทั้ง 3 คน  เป็นที่นิยมของประชาชนแล้ว  และจากการดูคาแรคเตอร์ของแต่ละคนพบว่าตรงกับภาพลักษณ์แบรนด์ของ ยำยำจัมโบ้  คือ  มีความเป็นกันเอง ใจดีและเป็นที่รักของทุกคน   

 
อย่างไรก็ดี  ปัจจัยที่ทำให้บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร  ต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น  โดยเฉพาะตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรูปแบบซอง  เพราะเป็นตลาดที่มีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด  หรือคิดเป็นอัตราส่วนที่ประมาณ  85% ของยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมด  ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ  12,000  ล้านบาท 

แม้ว่าปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองจะมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย (คัพ)  หรือเติบโตเพียง  1-2%  แต่ก็ถือว่ายังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาด  เนื่องจากคนไทยมีความคุ้นเคยกับการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซอง  แต่ถึงแม้ว่าบริษัท  วันไทยอุตสาหกรรมการอาหารจะหันมาเน้นการทำตลาด ยำยำจัมโบ้  ในรูปแบบซอง  ในส่วนของรูปแบบถ้วยก็จะให้ความสำคัญเช่นกัน  เนื่องจากเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ภายหลังพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปหันมาเน้นความสะดวกมากขึ้น 

 
 
 
จากแนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 10%   มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ  2,500   ล้านบาท  คิดเป็นสัดส่วนยอดขายประมาณ  2,250   ล้านบาท  จากมูลค่าตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  14,250  ล้านบาท  ซึ่งปัจจุบันแบรนด์มาม่า ยังคงครองความเป็นผู้นำตลาด  ด้วยการครองส่วนแบ่งที่ประมาณ  45-46%  ตามด้วยยำยำจัมโบ้  25%  และไวไว  23%

สำหรับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบชามและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูประดับบน ยังคงเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตน้อยเมื่อเทียบกับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซอง  และตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย  เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีระดับราคาขายใกล้เคียงกับราคาจำหน่ายก๋วยเตี๋ยว จึงทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น

 
นายทะคะชิ  กล่าวอีกว่า  หลังจากบริษัทออกมารีเฟรชแบรนด์และออกแคมเปญ “ยำยำจัมโบ้ ความสุขคำโต’ ในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะได้ผลรับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น  และมียอดขายเติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10%  โดยสัดส่วนยอดขายหลักยังคงมาจากยำยำจัมโบ้รูปแบบซอง  85%  ยำยำจัมโบ้รูปแบบถ้วย  10%  และยำยำช้างน้อย  5%

 
 
 
 
รายงานข่าวจากบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า ได้เตรียมใช้งบ  100   ล้านบาท  ในการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้  ภายหลังพบสัญญาณที่ดีทางด้านเศรษฐกิจ  และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น   ซึ่งกลุ่มสินค้าที่จะเน้นทำการตลาดเป็นพิเศษยังคงเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในรูปแบบซอง และรูปแบบถ้วย  เพื่อผลักดันให้สิ้นปีมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ภายหลังจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่ามีอัตราการเติบโตค่อนข้างชะลอตัว 

อัตราการเติบโตดังกล่าวถือว่าเป็นไปตามทิศทางเดียวกับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป   เนื่องจากแบรนด์มาม่า  เป็นผู้นำตลาด   และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา  ส่งผลให้คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในสิ้นปีนี้อาจมีอัตราการเติบโตเพียง  1-2%   เท่านั้นปรับตัวลดลงจากปกติที่จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ  5% 

 
 
 
ด้าน นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้บริษัทจะหันมารุกทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยมากขึ้น   เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง   ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวบริษัทคาดว่าในปีนี้ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยจะมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ  3,800 ล้านบาท  บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าวด้วยการเดินหน้าคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง

 
 
 
 
ล่าสุด บริษัท สหพัฒนพิบูล  ได้เตรียมเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย 3 รสชาติ  ในตระกูลเอ็กซ์ตรีม ซีรีส์  เข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการ  ประกอบด้วย  รสซีฟูดส์ผัดขี้เมาแห้ง, รสต้มยำกุ้งเอ็กซ์ตรีมแซบซี้ด และรสสไปซี่ชีส เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแตกต่างชอบทดลองความแปลกใหม่  ภายหลังจากใช้เวลากว่า 6 เดือนในการวิจัยรสชาติใหม่กับกลุ่มเป้าหมาย  ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ผู้บริโภคกว่า 80% ชื่นชอบรสชาติที่แตกต่าง พิเศษ แปลกใหม่ที่จัดจ้าน

นอกจากนี้  ยังชูจุดเด่นของสินค้าดังกล่าว  ด้วยนวัตกรรมฝา 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในการใส่น้ำร้อนและรินน้ำออกได้ง่ายขึ้น ทำให้เครื่องและเส้นบะหมี่ไม่หก และถ้วยกระดาษยังจับสบายไม่ร้อนมือ  ซึ่งจากจุดเด่นของสินค้าดังกล่าวบริษัท  สหพัฒนพิบูล  มีแผนที่จะนำนนวัตกรรมฝา 2 ชั้น เข้าไปใช้ในกลุ่มสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยในรสชาติอื่น ๆ ต่อไป

นายเวทิต กล่าวว่า  บริษัทมีแผนที่จะใช้งบกว่า 30 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย  3 รสชาติ   ในตระกูลเอ็กซ์ตรีม ซีรีส์  พร้อมจัดโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขายให้กับผู้บริโภค โดยตั้งเป้าหมายยอดขายภายในปี 2557 สำหรับรสชาติใหม่นี้ประมาณ 200 ล้านบาท  ซึ่งหลังจากบริษัทออกมาขับเคลื่อนตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีนี้  มาม่าคัพ  จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า  12%   โดยปัจจุบันมาม่าคัพ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 55% หรือมีมูลค่า 990 ล้านบาท  

ก่อนหน้าที่บริษัท สหพัฒนพิบูล  จะออกมาเปิดเกมบุกทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย  เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ก่อนหน้านี้บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า  ได้ออกมาประกาศใช้งบประมาณ 400 ล้านบาทลงทุนในส่วนของโรงงานและเครื่องจักรเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตมาม่าคัพ 30% คาดแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.ส่วนโรงงานผลิตแป้งสาลี บริษัท เพรสซิเดนท์ฟลาวมิลล์ ที่ลงทุน 600 ล้านบาท  ซึ่งได้เริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าไปแล้วเมื่อช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา

 
 
 
แม้ว่าหลายคนจะมองว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นดัชนีชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจ  แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไป  เพราะจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี  2556  ต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งปีแรกของปี  2557  เศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในสภาวะถดถอย  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลดีกับธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหมือนเช่นทุกครั้งที่คนจะมองว่า  เศรษฐกิจไม่ดีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะขายดี  เพราะปัจจัยลบครั้งนี้ปราบเซียน  เนื่องจากทุกธุรกิจประสบปัญหาในด้านของยอดขายซบเซาเหมือนกันไม่เว้นแม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีราคาถูกหาซื้อได้ง่าย

 
 

 


LastUpdate 17/08/2557 12:57:10 โดย : Admin
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 2:05 pm