"กรุงไทย-แอกซ่าฯ" จัดกลยุทธ์รับครึ่งปีหลัง อัดสินค้าใหม่ออมยาว วางแผนเงินหลังเกษียณ แถมได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี พร้อมได้งบฯ เฉียดพันล้านจากบริษัทแม่หนุน ตั้งระบบไอทีใหม่ ติดปีกนักขาย เพิ่มประสิทธิภาพบริการเร็วขึ้น ชี้ออกสตาร์ท 6 เดือนแรก ปั๊มเบี้ยโตแล้ว 40%
นายเดวิด โครูนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดประกันชีวิตในครึ่งหลังของปีนี้จะเต็มไปด้วยการแข่งขันจากบรรดาบริษัทประกันชีวิตที่จะรุกหนักมากขึ้นเพื่อสร้างเบี้ย รวมถึงบริษัทฯ ที่เตรียมสินค้าใหม่ ซึ่งจะผสมทั้งความคุ้มครองชีวิต และออมเงินในระยะยาว เพื่อเตรียมวางแผนสำหรับเกษียณอายุ รวมถึงลูกค้ายังสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยการขายที่สำคัญสำหรับช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะเดียวกัน สินค้าในกลุ่มสุขภาพและความคุ้มครอง ก็ยังเป็นตลาดที่สำคัญที่บริษัทพยายามมุ่งเน้น โดยสินค้าที่เพิ่งออกมาใหม่อย่าง i-Protect และ i-Care ก็จะยังเป็นสินค้าขายดีที่ทำตลาดควบคู่กันไปด้วย
นายเดวิด กล่าวด้วยว่า ในช่วง 3 ปีนี้ (2557-2559) บริษัทยังได้รับงบประมาณสนับสนุนจากแอกซ่ากรุ๊ป ราว 30 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 960 ล้านบาท) สำหรับพัฒนาระบบงานใหม่ที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการทำงานของฝ่ายขาย โดยเฟสที่ 1 จะทำให้ฝ่ายขายสามารถใช้อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า จัดทำใบเสนอขายแบบประกัน กรอกข้อมูลทำประกันชีวิตผ่านระบบออนไลน์ รองรับการชำระเบี้ย และลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งระบบนี้จะใช้ได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ส่วนเฟสที่ 2 ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวในต้นปีหน้านั้น บริษัทจะทำให้การออกกรมธรรม์ทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยเมื่อปิดการขาย ชำระเงินค่าเบี้ยเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถส่งกรมธรรม์ผ่านระบบออนไลน์เข้ายังอีเมลล์ให้แก่ลูกค้าได้เลย
“เทคโนโลยีใหม่นี้ นอกจากจะทำให้การทำงานของฝ่ายขายมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ยังเป็นระบบที่ธุรกิจในกลุ่มแอกซ่า ซึ่งมีอยู่ในเอเชียรวม 8 ประเทศใช้เหมือนกันด้วย จึงสามารถแชร์ต้นทุนบางส่วนระหว่างกันได้ด้วย ทำให้ในอนาคตจะยิ่งลดต้นทุนการจัดการลงได้อีกพอสมควร อย่างไรก็ตาม เรามองว่าเทคโนโลยีส่วนนี้จะเข้ามาเสริมให้การทำงานของฝ่ายขายดียิ่งขึ้น แต่ไม่ได้จะมาใช้แทนทีมขาย เพราะยังเชื่อมั่นการบริการด้วยทีมขายมากกว่า”
สำหรับผลงานช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทสามารถสร้างเบี้ยรับรวมกว่า 23,800 ล้านบาท เติบโต 37% ในจำนวนนี้มีเบี้ยปีแรกซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่สามารถขายได้ในปีนี้ถึง 8,122 ล้านบาท เติบโตขึ้น 40% มาจาก 3 ช่องทางขายหลัก คือ ธนาคารที่สร้างเบี้ยได้ 5,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 66% ตัวแทน สร้างเบี้ยได้ 2,675 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และช่องทางธุรกิจองค์กร สร้างเบี้ยได้ 94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66%
ข่าวเด่น