การตลาด
สกู๊ป "เบียร์การ์เด้น" คึก โหมกิจกรรมโค้งสุดท้ายกู้ยอดทรุด


 

 

ยังคงมีอัตราการเติบโตติดลบอย่างต่อเนื่องสำหรับภาพรวมตลาดเบียร์ในปีนี้ เนื่องจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจ และการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2556  ที่ผ่านมายังคงส่งผลกระทบรุมเร้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเบียร์ต้องออกมาฮึดสู้เฮือกสุดท้ายของปี ด้วยการออกมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบของการจัดเทศกาลเบียร์การ์เด้นตามสถานที่ต่างๆ


แต่เห็นจะเป็นไฮไลท์เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา คงจะหนีไม่พ้นเทศกาลเบียร์การ์เด้นบริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งปีนี้ 3 ค่ายหลัก อย่าง ไฮเก้น  ช้าง และ สิงห์ ยังคงแย่งชิงพื้นที่จัดงานเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของค่ายช้างยังคงได้พื้นที่จัดงาน  2 จุดเหมือนกับปีก่อนๆ ขณะที่ค่ายไฮเนเก้น และสิงห์ ได้พื้นที่จัดงานคนละ 1 จุด

 
 
 
 
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด หรือ ซีพีเอ็น  กล่าวว่า การประมูลพื้นที่จัดเทศกาลลานเบียร์ในปีนี้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยในส่วนของปีนี้มีผู้ชนะการประมูล 3 รายเหมือนทุกปีที่ผ่านมา คือ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น  บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  และบริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่  โดยในส่วนของบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จะนำแบรนด์เบียร์สิงห์ มาเข้าร่วมจัดกิจกรรมบนพื้นที่ 1,000 ตร.ม. ที่ประมูลได้

ขณะที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  ซึ่งได้พื้นที่จัดกิจกรรมไปประมาณ 2,000 ตร.ม. จะแบ่งพื้นที่จัดกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือ  การจัดลานเบียร์ช้าง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีก 1 แบรนด์  ส่วนบริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่  ซึ่งได้พื้นที่จัดกิจกรรมไป 1,000 ตร.ม.จะนำเบียร์ไฮเนเก้น เข้ามาร่วมจัดงาน

สำหรับเทศกาลลานเบียร์ที่จะจัดขึ้นในปีนี้ ซีพีเอ็นได้มีการปรับรูปแบบให้มีความเป็นพรีเมี่ยมไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดให้บริการสถานที่แฮงก์เอาท์ ภายใต้ชื่อ "กรู๊ฟ แอท เซ็นทรัลเวิลด์"  ซึ่งได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะในช่วงวันศุกร์มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากถึง 1.2 - 1.3 หมื่นคน ขณะที่วันอื่นๆ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,000-9,000 คน

 
 
 
น.ส.ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น บริษัท ที เอ พี เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลลานเบียร์ของบริษัทในปีนี้จะจัดด้วยกัน 2 แห่ง คือ  ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดาภิเษก  และลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์  โดยในส่วนของการจัดงานที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ปีนี้จะจัดงานภายใต้ชื่อ “The Heineken Pop-up City Lounge”  เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.- 31 ธ.ค.นี้ ถือเป็นแคมเปญระดับโลกจัดเป็นประเทศที่ 2 ของไฮเนเก้นทั่วโลก หลังจากจัดไปแล้วที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ         
ความพิเศษ คือ ไฮเนเก้นเปิดโอกาสให้ผู้คนแชร์ความคิดเกี่ยวกับเลานจ์ผ่านอินสตาแกรม แล้วร่วมมือกับดีไซเนอร์ 20 ราย จากหลายหัวเมืองใหญ่นำความคิดเหล่านั้นมาออกแบบแสดงครั้งแรกที่ลอนดอนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และล่าสุดในไทยร่วมกับพันธมิตร คือ S’MORES ครีเอตเมนูอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ให้กับไฮเนเก้นในงานเบียร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีไฮไลต์ "ไฮเนเก้น เอ็กซ์ตร้า โคลด์" เบียร์สดอุณหภูมิติดลบ ซึ่งคาดหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับไฮเนเก้นด้วย

น.ส.ภัททาภาณี กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเบียร์ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงจากปีที่ผ่านมาพอสมควร เนื่องจาก 3 ไตรมาสของปีที่ผ่านมา ตลาดรวมเบียร์มีอัตราการเติบโตติดลบไปแล้ว 5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 ต่อเนื่องมาจนถึงกลางปีนี้ ประกอบกับปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ในสภาวะชะลอตัว จึงทำให้ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์ที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดเบียร์จะตก แต่ในส่วนของไฮเนเก้นยังคงมียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ไม่ได้ตกลงตามตลาดรวม แม้ว่าจะมีการปรับราคาเบียร์ขวดเล็กเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ในส่วนของขวดใหญ่ยังคงจำหน่ายราคาเดิม โดยบริษัท ที เอ พี เทรดดิ้ง มั่นใจว่า ภายในสิ้นปีนี้แบรนด์ไฮเนเก้นจะมียอดขายเติบโตประมาณ 5% เนื่องจากที่ผ่านมาไฮเนเก้นมีการจัดกิจกรรมใหญ่ตลอดทั้งปี และในไตรมาสสุดท้ายนี้ก็จะมีการจัดแคมเปญใหญ่  ซึ่งคาดว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดรวม และผลักดันยอดขาย รวมไปถึงการสร้างความคึกคักให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

 
 
 
 
นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะจัดเทศกาลลานเบียร์ 3 แห่ง คือ เซ็นทรัลเวิลด์ สาทรสแควร์ และเอเชียทีค  ซึ่งจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว คาดว่าปีนี้ภาพรวมของเทศกาลลานเบียร์จะมีความคึกคักและมีบรรยากาศที่ดีกว่าปีก่อน เนื่องจากขณะนี้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นแล้ว ส่วนในวันที่ 1 - 6 พ.ย.นี้ บริษัทได้เตรียมจัดงาน “ริเวอร์ เฟสติวัล 2014” เพื่อต้อนรับเทศกาลลอยกระทง ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ โดยจะมีผู้ประกอบการที่อยู่ริมน้ำทั้งโรงแรม ร้านอาหาร เข้าร่วมจำนวนมาก

 
 
 
ด้าน นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่เนื่องจากเหลือโอกาสในการขายอยู่เพียง 2 เดือน จึงเชื่อว่าปีนี้ภาพรวมตลาดเบียร์ไม่น่าจะมีอัตราการเติบโต เนื่องจากเสียโอกาสทางธุรกิจไป 3 ไตรมาส  แต่ในส่วนของสิงห์ก็ยังคงเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ล่าสุดได้เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลเบียร์การ์เด้นที่ลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และเมเจอร์ รัชโยธิน โดยการจัดงานทั้ง 2  แห่ง จะมีการนำไซเดอร์ เบย์  เข้ามาทำตลาด เพื่อสร้างสีสันให้กับเทศกาลเบียร์การ์เด้นในครั้งนี้  

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดเบียร์จะซบเซา แต่ในด้านของมูลค่าคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 125,285 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2556 ที่มีมูลค่า 120,467 ล้านบาท และปี 2555 มีมูลค่า 126,692 ล้านบาท ส่วนในแง่ปริมาณนั้นคาดว่าปี 2557 จะมีประมาณ 1,948 ล้านลิตร ลดลงจากปี 2556 ที่มีประมาณ 2,045 ล้านลิตร และปี 2555 ที่มีประมาณ 2,150 ล้านลิตร โดยที่ปีนี้มูลค่าเพิ่มขึ้นมากเนื่องจากการจัดเก็บภาษีใหม่เมื่อปลายปีที่แล้วทำให้เบียร์มีราคาสูงขึ้นต่อหน่วย แต่ในแง่ปริมาณกลับลดลงเพราะตลาดรวมลดลง

ทั้งนี้ ตลาดเบียร์สแตนดาร์ด หรือกลุ่มเมนสตรีม ยังคงเป็นตลาดเบียร์ที่มีสัดส่วนมากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 70% และจากการที่ผู้บริโภคระดับกลางมีกำลังซื้อชะลอตัว จึงส่งผลให้ตลาดเบียร์ดังกล่าวมีอัตราการเติบโตลดลงมากที่สุด และการที่ตลาดดังกล่าวมีสัดส่วนมากที่สุดในตลาดรวมเบียร์ จึงทำให้ภาพรวมตลาดเบียร์เติบโตลดลงไปด้วย

ปัจจุบัน ตลาดเบียร์สแตนดาร์ด มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 102,077 ล้านบาท มีแบรนด์ลีโอเป็นผู้นำตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 73%  ตามด้วยแบรนด์ช้าง มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 27%  โดยในส่วนของราคาขายสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 57 บาทต่อหนึ่งขวดใหญ่

ส่วนตลาดเบียร์พรีเมียมปีนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 15,408 ล้านบาท มีสิงห์เป็นผู้นำตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 56% ตามด้วยไฮเนเก้น 42% เพิ่มจากสิ้นปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่ง 35.5%  ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2% เป็นเบียร์นำเข้าอื่นๆ ปัจจุบันเบียร์กลุ่มนี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 75 บาทต่อหนึ่งขวดใหญ่ สำหรับกลุ่มสุดท้าย คือ อีโคโนมี่  หรือเซฟวิ่ง มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 2,982  ล้านบาท มีแบรนด์ อาชา เป็นผู้นำตลาดเกือบ 100% โดยในส่วนของราคาขายสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะมีราคาเฉลี่ยอยุ่ที่ประมาณ 50 บาทต่อหนึ่งขวดใหญ่
 
การออกมาจัดกิจกรรมการตลาดผ่านเทศกาลเบียร์การ์เด้น เพื่อต้อนรับเทศการเฉลิมฉลองและการส่งมอบความสุขส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้ภาพรวมตลาดเบียร์ไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 เติบโตกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมา

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 พ.ย. 2557 เวลา : 18:18:20
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 4:31 am