ประกัน
"ไทยประกันชีวิต" ลั่นปี 58 ให้ความสำคัญกับคน ก้าวสู่แบรนด์ชั้นนำในใจคนไทย พร้อมเป็นเลิศด้านบริการ ล่าสุดจับมือเซเว่น จ่ายสินไหมทดแทน สูงสุด 1 หมื่นบาท/ราย


"ไทยประกันชีวิต" มั่นใจธุรกิจปี 58 ยังเดินหน้า จากปัจจัยเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง คาดโตไม่ตำ่กว่า 13% ประกาศเดินหน้า People Business ให้ความสำคัญกับลูกค้า จับมือเซเว่นฯจ่ายสินไหมทั้่งสุขภาพ-อุบัติเหตุ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ เน้นความสะดวกรวดเร็ว พร้อมรุกตลาดดิจิตอล ชูความเป็น Integrated Digital Insurer หรือ ดิจิตอลแบบครบเครื่อง

 

 

ดร.อภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตในปี 2558 ว่า ภาพรวมธุรกิจคาดว่ายังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีเบื้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้น 13% จากปัจจัยเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในอัตรา 3.5-4.5% และสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่โครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กระตุ้นให้ประชาชนเตรียมความพร้อม

ธุรกิจประกันชีวิตในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีเบี้ยประกันรวมรวมอยู่ที่ 571,000 ล้านบาท เติบโต 13% โดยมีเบี้ยประกันรับปีแรกประมาณ 125,100 ล้านบาท เติบโต 16% เบี้ยประกันชำระครั้งเดียว หรือ Single Premium ประมาณ 68,400 ล้านบาท เติบโต 10% และเบี้ยประกันรัยปีต่อไป 377,500 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 86%

ทั้งนี้ ช่องทางตัวแทนจะมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยธุรกิจมุ่งเน้นการพัฒนาบุคคลากรสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการวางแผนทางการเงิน ขณะที่ช่องทาง Bancassurance ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากผลิตภัณฑ์ประเภทออมทรัพย์ แต่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุม สำหรับช่องทาง Tele sale จะเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีเงื่อนไขการรับประกันเรียบง่าย อาทิ แบบประกันผู้สูงอายุ แบบประกันสำหรับการลดหย่อนภาษี เป็นต้น

สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิตในปี 2558 จะมุ่งให้ความสำคัญกับคน หรือ People Business เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำในใจของคนไทย ดังนั้นบริษัทฯจึงได้พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทั้งการจ่ายสินไหมทดแทนและการบริการผู้เอาประกัน เพื่อให้การบริการโดนใจและตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันอย่างตรงจุด

โดยร่วมกับพันธมิตรเซเว่น อีเลฟเว่น ให้บริการรับเงินสินไหมทดแทนได้ที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ซึ่งผู้เอาประกันสามารถรับเงินสินไหมในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ที่สำคัญสามารถรับสินไหมทดแทนได้ทุกประเภท ยกเว้นสินไหมมรณกรรม ซึ่งแตกต่างจากบริษัทประกันชีวิตอื่นที่รับเฉพาะสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันผู้เอาประกันยังสามารถชำระเบี้ยประกันผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อกรมธรรม์อีกด้วย คาดว่าจะเริ่มภายในเดือนมีนาคม 2558 นี้

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ริเริ่มโครงการรอรับฉับไว การพิจารณาอนุมัติสินไหมทดแทน กรณีผู้ป่วยนอก (OPD) อย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง สำหรับเคสปกติ ผ่านระบบออนไลน์ทั่วประเทศ จากเดิมที่ใช้เวลาอนุมัติประมาณ 5 วันทำการ โดยผู้เอาประกันสามารถยื่นเคลมสินไหมได้ที่สำนักงานใหญ่และสาขาทั่วประเทศ ยกเว้นศูนย์บริการลูกค้า CSC

สำหรับ โครงการ 24/7 บริการไทยประกันชีวิตเมดิแคร์ หรือแฟกซ์เคลม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เอาประกันในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายกว่า  200 แห่ง โดยไม่ต้องสำรองจ่ายเงิน ซึ่งบริษัทฯขยายเวลาให้บริการจากเวลาทำการ เป็นตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยในปี 2557 ที่ผ่านมา มีผู้เอาประกันใช้บริการหลังเวลา 17.00 น.จำนวนรวม 7,765 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 21% 

ขณะเดียวกัน บริษํทฯได้พัฒนาบัตรประจำตัวผู้เอาประกันรูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้เอาประกัน โดยอำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันสามารถตรวจสอบข้อมูลเบี้ยประกันภัยที่ถึงกำหนดชำระ และจำนวนเงินที่ต้องชำระ พร้อมบาร์โค้ดสำหรับชำระเบี้ยรประกันได้ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส,ธนาคารกรุงเทพ,ธนาคารกรุงไทย,ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารทหารไทย วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท/กรมธรรม์

 

 

นายทำนุ บุญประกอบ Head of Administrative Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯยังเพิ่มประสิทธิภาพการบริการและสร้างความพึงพอใจแก่ผู้เอาประกัน ด้วยการเปิดศูนย์บริการลูกค้า (Customer Service Center : CSC) ภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า หรือ Community Mall เพื่อเพิ่มการบริการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันและฝ่ายขาย รวมถึงเอื้อประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาช้อปปิ้งภายในศูนย์การค้า โดยปัจจุบันมีศูนย์บริการลูกค้าทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัดรวม 36 แห่ง และปี 2558  จะเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต บางใหญ่

จากข้อมูลการใช้บริการในปี 2557 พบว่า มีผู้ใช้บริการผ่านศูนย์ CSC  จำนวนรวม 227,307 ราย แบ่งเป็นผู้เอาประกันจำนวน 197,942 ราย และฝ่ายขายจำนวน 29,365 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการใช้บริการชำระเบี้ยประกัน โดยในปีที่ผ่านมามีผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันเป็นเงิน 3,030 ล้านบาท และมีฝ่ายขายนำส่งเบี้ยประกันรับปีแรกรวม 256 ล้านบาท

 

 

ทางด้าน นายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกๆ ของธุรกิจที่รุกสู่ตลาดดิจิตอล ด้วยการพัฒนาเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการขายของฝ่ายขาย และปัจจุบันก้าวสู่การดำเนินนโยบายด้านการตลาดดิจิตอลแบบครบเครื่อง หรือเป็น  Integrated Digital Insurer โดยมุ่งสื่อสารและสร้างคุณค่าชีวิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พันธมิตร ฝ่ายขาย และคนทั่วไป

โดยในปี  2558 บริษัทฯพัฒนาเครืื่องมือสื่อสารด้านดิจิตอลใหม่ คือ C.A.social หรือ Cyber Agent Social  สำหรับนักขายไร้ขีดจำกัด ใช้เป็นเครื่องมิือสื่อสารระหว่างทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพะ โดย C.A. Social จะมีลักษณะการใช้งานเหมือนเฟสบุ๊ก โดยสามารถใช้่งานได้ทั้งเว็บไซต์หรือโหลด Application บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

"C.A.Social เป็นสังคมออนไลน์สำหรับฝ่ายขายไทยประกันชีวิตโดยเฉพาะ สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเทคนิคการนำเสนอขาย นอกจากนั้นยังสามารถโพสรูป วีดีโอ ไฟล์งานต่างๆ หรือลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่น่าสนใจ รวมไปถึงการสร้างแบบสอบถามเพื่อสำรวจความคิดเห็น เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาอย่างไม่มีขีดจำกัด"นายอังกูรกล่าว

นายอังกูรกล่าวต่อว่า ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทฯยังได้ต่อยอดด้วยรุกเข้าสู่ Liked In ซึ่งเป็นการรีครูทตัวแทนใหม่ ผ่านการสร้างสังคมออนไลน์ เพื่อรีครูทฝ่ายขายใหม่แบบตัวต่อตัว แตกต่างจากรูปแบบเดิมที่บริษัทฯประกันชีวิตส่วนใหญ่รีครูทผ่านเว็บไซต์สำหรับสมัครงาน โดยเป็นการรีครูทแบบหว่าน ไม่สามารถเฉพาะเจาะจงเฉพาะตัวบุคคลที่มีความสนใจเข้าสู่อาชีพตัวแทนประกันชีวิตได้

ดร.อภิรักษ์กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในส่วนของไทยประกันชีวิตก็มีความสนใจที่ต้องการเข้าไปเปิดสาขาหรือสำนักงานตัวแทนใน AEC เพียงแต่ขณะนี้ทางการของประเทศเหล่านั้นยังไม่อนุญาต ประกอบกับประชาชนยังขาดความรู้่ความเข้าใจและมองเห็นประโยชน์ของการทำประกัน ฉะนั้นในเบื้องต้นเราคงเข้าไปให้ความรู้กับประชาชนก่อนว่าการประกันมีประโยชน์ต่อเขาและต่อครอบครัวเขาอย่างไรบ้าง รวมทั้งเป็นการทำความรู้จักกับภาคธุรกิจของประเทศเหล่านั้น โดยในปีนี้ไทยประกันชีวิตจะเข้าไปเปิดสำนักงานหรือออฟฟิคในประเทศพม่าก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนลาวนั้นเท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่ปรากฎให้ทำอะไรเท่าไหร่

"การเปิดออฟฟิคที่พม่านั้น จะไม่ใช่สำนักงานตัวแทน แต่เป็นออฟฟิคที่ให้ความรู้กับประชาชน และเป็นออฟฟิคให้ภาคธุรกิจที่โน้นรู้จักเรา แต่ไม่เกี่ยวกับการขายประกัน ก็เหมือนเป็นการไปลงทุนระยะยาวที่ไปสร้างฐานให้เขารู้จักเรามากขึ้น และอาจมีโอกาสมาร่วมทุนกับเราในอนาคตได้ ฉะนั้นจึงยังไม่เห็นผลตอนนี้ ใน AEC เราต้องให้ความรู้กับเขาพอสมควร เพราะทั้งลาว พม่า กัมพูชา เขาไม่ค่อยรู้จักและเห็นประโยชน์ของการทำประกัน ฉะนั้นเราต้องไปสร้างส่วนนี้ก่อน และเมื่อไหร่ที่กฎหมายเขาเปิด ทางการเขาเปิดให้ธุรกิจประกันเข้าไป เราก็สามารถบุกตลาดได้ทันที เพราะเราสร้างฐานลูกค้าให้รู้จักเรามาพอสมควรแล้ว"ดร.อภิิรักษ์กล่าว

 

 

 


บันทึกโดย : วันที่ : 23 ก.พ. 2558 เวลา : 11:47:20
20-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 20, 2024, 1:55 pm