ทุกหน่วยงานเตรียมรับมือกับการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) อย่างเต็มที่

โดยล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ การแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) (ฉบับที่ 3) โดยได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ทำความเข้าใจกับนานาประเทศตามความเหมาะสมแล้วแต่กรณี ถึงมาตรการของรัฐบาลไทยที่เข้มงวดในการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ เพื่อให้นานาประเทศมีความมั่นใจในการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมากับโรคระบาดอื่นๆ โดยรัฐบาลไทยปฏิบัติการอย่างครอบคลุมและครบถ้วนตามมาตรฐานสากลเพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

ขณะที่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบความพร้อมการรับมือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศที่พบการติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ว่า ไม่มีความกังวลและเป็นห่วงต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น แต่เพื่อความไม่ประมาทหน่วยงานต่าง ๆ จึงได้ตรวจเยี่ยม พร้อมวางแผนรับมือและป้องกัน ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่า สถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อด้านการท่องเที่ยวไทย โดยได้ตรวจสอบนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบว่ายังไม่มีการยกเลิกการจองที่พักโรงแรมล่วงหน้า และยังไม่มีการยกเลิกยอดจองสายการบินเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ขณะที่การยกเลิกการเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้นั้น
คาดว่าจะสามารถสรุปยอดตัวเลขผู้โดยสารที่ยกเลิกการเดินทางได้ภายใน 1 อาทิตย์

นอกจากนี้ นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า มั่นใจว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่จำนวน 28.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่ 24.7 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10-20%

ด้าน นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมแสกน เพื่อตรวจคัดกรองผู้โดยสารแล้ว 4 จุด ได้แก่ บริเวณเคาน์เตอร์ด่านควบคุมโรคติดต่อ อาคารเทียบเครื่องบิน E ก่อนทางเข้าจุดตรวจผู้โดยสารขาเข้า โซนตะวันออกและตะวันตก และบริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน F พร้อมทั้งปรับตั้งค่าเครื่องเทอร์โมสแกนให้สามารถจับอุณหภูมิร่างกายได้ลดลงจากเดิม 37 องศาเซลเซียส เป็น 36.5 องศาเซลเซียส

ด้านภาคเอกชน นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวถึงกรณีที่ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสเมอร์ส หรือโรคระบบทางเดินหายใจตะวันออกกลางเป็นรายแรก ว่า ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย มีเพียงการสอบถามสำนักท่องเที่ยวถึงสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการระบาดของโรค
และมาตรการควบคุมโรคของไทยที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

แต่ภาคเอกชนต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการสูงสุดในการควบคุมโรค เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมากกว่ามาตรการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันที่ใช้เครื่องเทอร์โมสแกนคัดกรองผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะมีความจำเป็นที่ต้องใช้แพทย์ตรวจร่วมด้วย และหากโรคนี้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น
อาจจะต้องหยุดเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เดินทางมาจากประเทศที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค