จากสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2558 (ม.ค. – พ.ค. 58) ที่มีอัตราการขยายตัวค่อนข้างสูง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ตั้งแต่เดือนม.ค. – พ.ค. ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 12,448,641 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  24.72%  

การขยายตัวดังกล่าว ส่งผลให้เกิดรายได้เข้าประเทศกว่า 592,923.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 25.13% ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบกับมีการตื่นตัวเกี่ยวกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะเกิดขึ้นในปลายปี 2558 จึงทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยขยายตัวในทิศทางที่ดี  และคาดว่าสิ้นปีน่าจะขยายมากถึง 45–50% หรือมีรายได้เข้าในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 1.4 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวภายในประเทศ 800,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ จากการจัดอันดับล่าสุดโดย บริษัท มาสเตอร์การ์ด ได้ออกมาเปิดเผยว่า ดัชนีจุดหมายปลายทางของโลกประจำปี 2558 (MasterCard Global Destination Cities Index 2015) กรุงเทพมหานครยังครองอันดับเมืองท่องเที่ยวอันดับ 2 ของโลก รองจากเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ และกรุงเทพฯ ยังได้รับรางวัลเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเอเชียมาอย่างต่อเนื่องทุกปีอีกด้วย

ด้วยแนวโน้มที่ดีดังกล่าว บริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้าสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์ จึงมองเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำร่วมกันทำกิจกรรมส่งเสริมการขายดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้ามากขึ้น

นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานส่งเสริมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ในฐานะศูนย์กลางแห่งการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวของโลก บริษัทได้เตรียมแผนการตลาดเชิงรุก เพื่อขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์มากขึ้น ด้วยการเตรียมงบลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ทำแคมเปญ “World-Class Privileges Exclusive To GlobePass Members & TG Passengers” มอบสุดยอดอภิสิทธิ์แห่งการช้อปปิ้งเหนือระดับให้กับลูกค้านักท่องเที่ยว   

สำหรับพันธมิตรที่นำมาร่วมแคมเปญในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย เครือข่ายสถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก GlobePass และสายการบินไทย โดยในกลุ่มของลูกค้าสายการบินไทยที่เดินทางจาก 9 เส้นทาง ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น,เกาหลี, จีน, ไต้หวัน,ฮ่องกง,มาเลเซีย, อินโดนิเชีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางกลับจากประเทศดังกล่าว และลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตที่เป็นสมาชิกในเครือค่ายของ GlobePass ในแถบเอเชีย-แปซิฟิกรวมทั้งหมด 10 ประเทศ 11 ธนาคาร จำนวนกว่า 33 ล้านคน สามารถนำบัตรเครดิตในเครือ GlobePass หรือคูปอง GlobePass และบัตรโดยสารระหว่างประเทศ ของสายการบินไทย มาแสดงจะได้รับสิทธิประโยชน์จากการช้อปปิ้งภายในศูนย์การค้าสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์ทันที

ในส่วนของสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับนั้น ประกอบด้วย การได้สิทธิ์รับ Tourist Pink card บัตรแสดงเพื่อรับส่วนลด และสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายตลอดการช้อปปิ้งที่สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และ ดิ เอ็มโพเรียม, Welcome Package ส่วนลดพิเศษจากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์, คูปองส่วนลด พร้อมรับสิทธิสมาชิก HARNN CLASSIC (เฉพาะลูกค้าที่มีถิ่นพำนักอยู่ที่ประเทศไทย), ฟรีคูปองนวดสปา HAND TSUBU, คูปองเงินสดมูลค่า 5,000 บาท จาก Club 21,คูปองส่วนลดเมื่อเข้าชม Sea Life Bangkok Ocean World และ Madame Tussauds และFree Wifi password at Siam Paragon  เป็นต้น

นางมยุรี กล่าวต่อว่า สมาชิกบัตร GlobePass ทั้ง 10 ประเทศ ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการทำแคมเปญดังกล่าวประกอบด้วย ลูกค้าธนาคารกรุงเทพฯของประเทศไทย,ลูกค้าของบัตร Sumitomo Mitsui ประเทศญี่ปุ่น, ลูกค้า The Bank of East Asia ของประเทศฮ่องกง, ลูกค้าของ First Commercial Bank และ Chinatrust Commercial Bank  ประเทศไต้หวัน, ลูกค้าของ KB Kookmin Card  ประเทศเกาหลีใต้, ลูกค้าของ RHB Bank Berhad ประเทศมาเลเซีย, ลูกค้าของ Vietnam Export Import Commercial Joint Stock Bank (EXIM Bank) ประเทศเวียดนาม, ลูกค้าของ PT.Bank Central Asia, Tbk. ประเทศอินโดนีเซีย , ลูกค้าของ China Merchants Bank ประเทศจีน และลูกค้าของ Metrobank Card Corporation ประเทศฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ ศูนย์การค้าสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์ ยังได้เตรียมแม่เหล็กสำคัญที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ไว้รองรับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาใช้บริการ ประกอบด้วย ซีไลฟ์ แบงคอก โอเชี่ยน เวิล์ด) อุทยานสัตว์น้ำดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในใจกลางกรุงเทพฯ ,คิดส์ซาเนีย กรุงเทพ ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงที่ครองใจเด็กทั่วโลก ในรูปแบบเมืองจำลองย่อส่วน ที่มอบประสบการณ์เรียนรู้ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน สำหรับเด็กๆ วัย 4 – 14 ปี ,พารากอนซีนีเพล็กซ์  สุดยอดโรงภาพยนตร์ชั้นนำใจกลางกรุงเทพมหานคร กับ 16 โรงภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ระดับโลกจำนวน 2 ชั้น จุคนได้ถึง 1,091 ที่นั่ง และมาดาม ทุสโซ กรุงเทพฯ) พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งระดับโลกมีชื่อเสียงยาวนาน และได้รับการยอมรับจากผู้ชมทั่วโลก  

พร้อมกันนี้ บริษัท สยามพิวรรธน์ ยังได้ร่วมกับ ซิกท์ ประเทศไทย ในนาม บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้น และลีมูซีนเซอร์วิสชั้นนำของโลกโดย มีเครือข่ายกว่า 105 ประเทศ กว่า 4,000 สาขาทั่วโลก และ 20 สาขา ทั่วประเทศไทย ร่วมจัดแคมเปญ “World- Class Shopping Experience with a Royal Treat” บริการพิเศษ Limousine Service เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและใช้บริการภายในทั้ง 2 ศูนย์ฯ เมื่อช้อปครบเงื่อนไข ส่งถึงที่พักฟรีในระยะทางที่กำหนด 30 กม.ภายในกรุงเทพฯ รวมถึงสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันนี้–15 ธ.ค. 58 นับเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกและแห่งเดียวของเมืองไทยที่สร้างสรรค์บริการพิเศษนี้

นางมยุรี กล่าวอีกว่า การจัดแคมเปญผ่อน 0% นายสูงสุด 6 เดือน จะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะทำอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากได้ผลการตอบรับที่ดีจากการทำกิจกรรมดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติ 30% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แคมเปญดังกล่าวได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงไป คือ ไม่อยากใช้เงินสดในการซื้อสินค้า ลูกค้าจึงนิยมซื้อสินค้าในรูปแบบการผ่อน 0% ประกอบกับบริษัทมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า เช่น ซื้อครบ 1.2 ล้านบาท ภายใน1วัน ได้สิทธิ์จอดรถฟรี 1 ปีที่สยามพารากอน เป็นต้น

หลังจากออกมาทำกิจกรรมการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ บริษัท สยามพิวรรธน์ คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% จากปัจจุบันที่พารากอนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการประมาณ 60,000 คนต่อวัน หรือคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 30% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมดที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยต่อวันที่ประมาณ 1.5-2 แสนคนต่อวัน