การตลาด
สกู๊ป....จี้รัฐทบทวนปรับโครงสร้างภาษีเครื่องสำอางเหลือ 0%






 


ภาพรวมของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยนับวันจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรผู้บริโภคชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอาง จึงถือเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ 

จากแนวโน้มการขยายตัวที่ดีดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานที่สามารถเป็นแหล่งผลิตเครื่องสำอาง สกินแคร์ และอาหารเสริม เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศเกือบ 7,000 แห่งทั่วประเทศ  ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน  พร้อมกันนี้  หากมองในด้านของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์  ประเทศไทยถือว่ามีความพร้อมทางด้านการพัฒนานวัตกรรม  และการใช้เทคโนโลยีทันสมัย โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและสมุนไพร 

น.ส. เกศมณี  เลิศกิจจา นายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า  จากความพร้อมในด้านต่างๆที่ประเทศไทยมีไม่ว่าจะเป็นในด้านของโรงงาน การพัฒนานวัตกรรม หรือการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย  ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสูงที่รับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ดังระดับโลกหลายยี่ห้ออยู่มากถึง 1,000-2,000 ราย  ซึ่งจากความได้เปรียบดังกล่าวทำให้หลายหน่วยงานต่างพยายามผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาคอาเซียน  เพราะถ้าหากนำความพร้อมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในด้านของโรงงานผลิตสินค้าเปรียบเทียบกับประเทศอินโดนีเซียที่มีโรงงานผลิตสินค้าความงามเพียง 1,000-2,000 แห่ง  ถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมสูงกว่าเป็นอย่างมาก
 

นอกจากนี้  การที่ประเทศไทยมีแหล่งวัตถุดิบจากธรรมชาติหลายชนิด โดยเฉพาะในด้านของพืชสมุนไพร ที่สามารถนำมาวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้  ยิ่งทำให้ประเทศไทยได้เปรียบคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างมาก  ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ทางสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย  จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมผู้ประกอบการให้นำสมุนไพรมาประยุกต์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น  

ขณะเดียวกันในฝั่งของผู้ประกอบการเองก็ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดด้วย  เพราะการจะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต  กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามของไทยจะต้องมีความพร้อมและความสมบูรณ์แบบรอบด้าน  ซึ่งหากประเทศไทยทำสำเร็จจะทำให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่เติบโตมากขึ้น  เพราะสินค้าความงามได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อย  

อย่างไรก็ดี  สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องสำอางของไทย คือ  การปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าเครื่องสำอางจาก 5% เหลือเป็น 0% ซึ่งกระทรวงการคลังมีแผนที่จะปรับอัตราภาษีนำเข้าให้อยู่ในระดับดังกล่าว  เพื่อทดลองใช้เป็นแนวทางในเดือน ม.ค. 2560 นี้รวมระยะเวลา 3 สัปดาห์ ภายหลังจากได้ข้อเสนอจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย  และสมาคมศูนย์การค้าไทย
 

น.ส. เกศมณี กล่าวต่อว่า  หากภาครัฐมีแนวทางชัดเจนที่จะปรับลดอัตราภาษีนำเข้าเครื่องสำอางเหลือ 0% เป็นการถาวร  สมาคมฯ มองว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องสำอางสกินแคร์ภายในพอสมควร  โดยปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางสกินแคร์ในประเทศมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 1.73 แสนล้านบาท  ซึ่งกลุ่มผู้ประกอบการที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด  คือ ผู้ดำเนินธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือเอสเอ็มอี  

จากปัจจัยลบดังกล่าว  สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย   90% ของกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  จะค่อยๆ หายไปจากตลาด  เนื่องจากไม่มีสายป่านที่ยาวพอที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการข้ามชาติรายใหญ่ได้  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงคาดว่าจะส่งผลกระทบให้มูลค่าตลาดเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าลดลง  จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะปิดมูลค่าได้ที่  1.85 แสนล้านบาท 

อีกหนึ่งปัจจัยที่สมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยกังวล  คือ สินค้านำเข้าอาจจะทะลักเข้าในไทย   ส่งผลให้สัดส่วนสินค้านำเข้ามีการปรับขึ้นมาจาก 30% ในปีนี้เป็น 40-50%  โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาสินค้านำเข้ามีมูลค่ากว่า 20,000-30,000  ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของธุรกิจเครื่องสำอางทั้งหมด  โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มาจากอเมริกา  และยุโรป 

ขณะเดียวกัน  ประเทศไทยอาจสูญเสียโอกาสทางด้านการลงทุน  ซึ่งจะเกิดจากการโยกย้ายฐานการผลิต เนื่องจากปัจจุบันสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องสำอางและสกินแคร์ พร้อมกับส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก จากตัวเลขการส่งออกปีนี้คาดการณ์ว่ามูลค่ากว่า 1.05 แสนล้านบาท  จากมูลค่าดังกล่าวนับว่าเครื่องสำอางเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือจีดีพี ของประเทศไทยเลยทีเดียว

น.ส.เกศมณี  กล่าวอีกว่า  เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมาทางสมาคมได้ยื่นหนังสือต่อสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ทบทวนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีนำเข้าเครื่องสำอางจาก 5% เหลือ 0% ไปเรียบร้อยแล้ว  เพราะโอกาสที่ไทยจะเสียดุลการค้ามีมากกว่าเพิ่มดุลการค้า นอกจากนี้เอสเอ็มอีจดทะเบียนกับสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วม 7,000 ราย ยังไม่มีความพร้อมหากแบรนด์เนมเข้ามา โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ ส่วนนวัตกรรมมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับเกาหลีและยังน้อยกว่าญี่ปุ่น และประการสุดท้ายการปรับลดภาษีเครื่องสำอางจะส่งผลให้ตลาดเครื่องสำอางไทยเติบโตช้าลง จาก 9 เดือนที่ผ่านมาข้อมูลยูโรมอนิเตอร์โต 5% และคาดว่าตลาดไทยมีศักยภาพโตได้ถึง 7%
อย่างไรก็ดี  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการไทย ก่อนที่ภาครัฐจะมีการปรับลดภาษีนำเข้าทำให้เสียเปรียบในด้านการแข่งขัน ล่าสุดทางสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยได้มีการจับมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องสำอางร่วมกันจัดงาน คอสเม็กซ์ 2016  ซึ่งจะเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านการผลิต บรรจุภัณฑ์ การบริการด้านการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์

 
ด้านนายสุทธิศักดิ์ วิลานันท์ รองกรรมการผู้จัดการ รี้ด เทรดเด็กซ์ ผู้ดำเนินธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า กล่าวว่า การจัดงานคอสเม็กซ์ 2016 งานแสดงเทคโนโลยีด้านการผลิต บรรจุภัณฑ์ การบริการด้านการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ เพื่อแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สกินแคร์ มีโซลูชั่นการบริการครอบคลุมหลากหลาย พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์การผลิตเครื่องสำอางในเอเชีย ขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดงานอิน-คอสเมติกส์ เอเชีย ซึ่งเป็นงานแสดงด้านส่วนประกอบเครื่องสำอางชั้นนำของเอเชีย คาดว่ามีผู้เข้าร่วมงานกว่า 6,000 ราย  
นอกจากจะเตรียมความพร้อมในรูปแบบของการจัดงานแฟร์แล้ว  ก่อนหน้านี้ทางสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย  ยังได้มีการลงนามเซ็นสัญญาข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมเครื่องสำอางแห่งชาติอิตาลี (UNIPRO : Italian Association of Cosmetic Industries)  เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเทคนิคการผลิตและมาตรฐานเครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์สปา เพื่อให้ได้มาตรฐานของยุโรป รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และการสนับสนุนให้นักธุรกิจที่เป็นสมาชิกทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการทำการค้าซึ่งกันและกันให้เพิ่มขึ้น โดยกรมส่งเสริมการส่งออก มีนโยบายให้ฝ่ายอิตาลีช่วยด้าน Technical Support โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานสินค้าและบริการด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางไทยมีความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจมากขึ้น



 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 พ.ย. 2559 เวลา : 20:24:32
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 8:24 am