การตลาด
สกู๊ป....ไทยเบฟฯสานวิชั่น 2020 เปิดเกมรุกปี 2560






 


ยังคงเดินตามเกมที่วางไว้ สำหรับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หลังจากปลายปี 2557 ได้ออกมาประกาศวิชั่น 2020 ว่าจะพาธุรกิจก้าวไปสู้การเป็นผู้นำในอาเซียนที่มั่นคงและยั่งยืน เหมือนกับวิชั่นการบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.) ที่จะพาให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน  ซึ่งนับจากวันนั้นถึงวันนี้การเดินตามวิชั่น 2020 ของบริษัท ไทยเบฟฯ ก็ผ่านไปแล้ว 1 ปี กับอีก 9 เดือน

จากระยะเวลาของการประกาศวิชั่น 2020 ที่ผ่านไปเกือบ 2 ปี ส่งผลให้บริษัท ไทยเบฟฯ เริ่มเล็งที่จะวางแผนการเดินตามวิชั่นในช่วง 3 ปีที่เหลือ ซึ่งช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเกือบครึ่งทางก็ถือว่า ธุรกิจยังคงเดินไปตามแผนงานที่วางไว้ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ การขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ หรือการซื้อกิจการในธุรกิจต่างๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมที่มีอยู่

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ 2020 หรือแผนธุรกิจระยะ 6 ปี (2557-2563) ที่ได้มีการประกาศไปเมื่อปี 2557 เพื่อดันยอดขาย และกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และก้าวสู่การเป็นผู้นำเครื่องดื่มครบวงจรอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน คือ การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ  ด้วยการวางเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุด และมีผลกำไรสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 
 

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจรอบบัญชีปี 2560 ซึ่งได้เริ่มต้นตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา  บริษัท ไทยเบฟฯ ยังคงใช้กลยุทธ์การให้ความสำคัญกับสินค้าทุกกลุ่มในเครือ ด้วยการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มสินค้าเดิมที่มีอยู่  การพัฒนาสินค้าใหม่  การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ  การหาพันธมิตรคู่ค้าที่แข็งแกร่ง และความเข้าใจของโอกาสทางการตลาด ด้วยความหลากหลายของสินค้า

ทั้งนี้  ในกลุ่มของเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ วันนี้บริษัท ไทยเบฟฯ มีโออิชิ  เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ  ด้วยการมียอดขายเป็นอันดับ 1 ขณะที่กลุ่มแอลกอฮอล์ก็มีการเตรียมขยายตลาดเข้าไปในประเทศพม่า เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ด้วยการวางแผนเข้าไปตั้งโรงงานบรรจุสินค้าในประเทศดังกล่าว  โดยในส่วนของประเทศพม่า และเวียดนาม จะเป็นการนำกลุ่มสินค้าสุราสีของไทยเข้าไปบรรจุในผลิตภัณฑ์  ขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์  จะเป็นการนำเข้าสก๊อตวิสกี้เข้าไปบรรจุลงในผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ ยังมีการขยายตลาดเพื่อต่อยอดธุรกิจด้านอาหารให้กว้าง และหลากหลายขึ้น โดยมี “ฟู้ด ออฟ เอเชีย” (Food of Asia : FOA) ที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การร่วมทุนกับกับ บริษัท Mei-Xin (International) Limited ในเครือ แม็กซิม กรุ๊ป (Maxim’s Group) ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ด้วยการนำแฟรนไชส์ “MX Cakes & Bakery” (เอ็มเอ็กซ์ เค้ก แอนด์ เบเกอรี่) ร้านเบเกอรี่อันดับ 1 ของฮ่องกง มาเปิดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกที่สยามพารากอน Brand การมีตราสินค้าที่โดนใจ ถือเป็นหัวใจหลักของความสำเร็จทางธุรกิจ ที่บริษัท ไทยเบฟฯ มุ่งเน้นในการพัฒนาตราสินค้าในกลุ่มให้มีความหลากหลาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งด้านคุณภาพ ฉลาก รสชาติ และราคา

 
 
นายฐาปน กล่าวว่า  วันนี้ต้องบอกว่าสินค้าของบริษัททุกตัวมีการวางตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจน ที่มีความเชื่อมโยงกันกับ Reach การกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง  ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งในประเทศ และต่างประเทศ  เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง 

ทั้งนี้  ล่าสุดมีการบุกตลาดโซดารอบใหม่ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โซดาใหม่ภายใต้แบรนด์ “ร็อค เมาเท็น” (Rock Mountain) เข้ามาทำตลาด  เพื่อขยายฐานลูกค้าในตลาดโซดา  ซึ่งเดิมมีเพียงโซดาช้างเข้าทำตลาด  ขณะเดียวกันก็ถือเป็นการช่วยกระตุ้นให้ตลาดสุราสีของบริษัท ไทยเบฟฯ มีการขยายตัวมากขึ้น  เพราะจากผลการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่ากว่า 90% บริโภคซาดาควบคู่กับสุราสี 

นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสุรา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มสุราสีในปี 2560 นี้ ยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดด้วยการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของตลาดต่างประเทศก็ยังคงมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีตลาดหลักอยู่ในประเทศอเมริกา พม่า  เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

นอกจากนี้ ยังได้มีการปรับตัว Blend 285 ในเรื่องของรูปแบบและการใช้ Innovation อย่างไรให้เหมาะสมกับตลาด ซึ่งวันนี้ Signature กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสุดท้าย คือเรื่องของ Professionalism และความเป็นมืออาชีพที่บริษัท ไทยเบฟฯ ยังคงมุ่งเน้นในส่วนของการสร้างความเป็นมืออาชีพให้เกิดขึ้นในองค์กร  ซึ่งนอกจากจะมีการปรับกลยุทธ์ในด้านของกลุ่มสุราสีแล้ว ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเบียร์ ปีที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความทันสมัยเช่นกัน

นายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจเบียร์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของเบียร์ช้างให้อยู่ภายในขวดบรรจุภัณฑ์สีเขียว พร้อมกับนำนวัตกรรมมาปรับปรุงในตัวสินค้า เพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้เบียร์ช้างมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากความสนใจในสินค้าที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายเบียร์ช้างปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปกติ และมีส่วนแบ่งการตลาดปรับตัวขึ้นเป็น 38-39% จากเดิมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 29-30%  ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีคาดการณ์ว่าภายในปี 2020 หรือปี 2563 จะมีส่วนแบ่งการตลาดเบียร์ช้างเพิ่มขึ้นเป็น 46%

 
ในด้านของกลุ่มธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ก็ยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่มของโออิชิ หรือกลุ่มเครื่องดื่มของบริษัท เสริมสุข ซึ่งจะมีน้ำดื่มคริสตัล และน้ำอัดลมเอส เป็นสินค้าหลักในการทำตลาด โดยในแต่ละกลุ่มสินค้าก็จะมีการเปิดตัวสินค้ารสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค

จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวในรอบบัญชีปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งปิดไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ บริษัท ไทยเบฟฯ มีรายได้กว่า 139,000  ล้านบาท  เติบโต 14.8%  แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางเศรษฐกิจมีฉุดกำลังซื้อและอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคให้ปรับตัวลดลง แต่บริษัท ไทยเบฟฯ ก็ยังสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตได้ในตัวเลข 2 หลักตรงตามเป้าหมายที่วางไว้  ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ประกอบกับมีความเชื่อมั่นว่าปี 2560 ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2559 นี้อย่างแน่นอน บริษัท ไทยเบฟฯ จึงได้เตรียมงบประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนขยายและปรับปรุงระบบการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง หรือซีแอลเอ็มวีมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งประเทศที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ พม่า เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ด้วยการเข้าไปตั้งโรงงานบรรจุสินค้า ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่มีศักยภาพ  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม  โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้  ซึ่งดูจากการขยายตัวของธุรกิจที่ครบวงจร  จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมบริษัท ไทยเบฟฯ จึงมีรายได้เติบโต 2 หลักสวนกระแสเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ในขณะนี้

 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 พ.ย. 2559 เวลา : 18:50:49
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 2:26 pm