เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ปี 60 รับมือดอกเบี้ยขาขึ้น


ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้  แม้เป็นข่าวดีของผู้ฝากเงิน หรือผู้ที่พึ่งรายได้ดอกเบี้ย แต่ก็เป็นข่าวร้ายของผู้ที่กู้เงิน  ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนการทำธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น ซึ่ง น.ส.ธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปี 2560 เป็นปีที่ท้าทายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการดำเนินนโยบายและใช้เครื่องมือทางการเงินสร้างความสมดุลภายใต้ปัจจัยที่ผันผวน โดยตลาดคาดการณ์ตรงกันว่า กนง.จะ คงดอกเบี้ยต่ำ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี เพื่อเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว ในขณะที่ปัจจัยภายนอกเริ่มกดดันให้ดอกเบี้ยขยับขึ้น

 

โดยปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ดอกเบี้ยปรับขึ้น คือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย หลังจากปรับขึ้นเมื่อเดือน ธ.ค.แล้ว 1 ครั้ง และเตรียมปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีนี้ ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาน้ำมันขยับสูงขึ้นจากทั้งราคาและค่าเงิน มีผลทำให้เงินเฟ้อระหว่างทางเพิ่มขึ้น ต้นทุนกู้ยืมในประเทศแพงขึ้นจากดอกเบี้ยภายนอก

นอกเหนือจากดอกเบี้ยเฟดแล้ว ต้องติดตามนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ที่อาจหนุนทิศทางเงินเฟ้อ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐมีโอกาสสูงขึ้นอีก และส่งผลกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วโลกรวมทั้งไทย ส่วนปัจจัยในประเทศมาจากความต้องการระดมทุนเพิ่มเติมจากภาครัฐ

ดังนั้นธุรกิจรายใหญ่และรัฐบาลที่มีโครงการกู้ยืมผ่านตลาดตราสารหนี้ต้องรับมือต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น เช่น การกู้เงินระยะยาว หรือปรับดอกเบี้ยเป็นอัตราคงที่ เพราะหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแข็งแกร่งและเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย   ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 5 ปีของไทยปรับขึ้นไปแล้ว 0.8% และคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับขึ้นอีก 0.4-0.6% ในระยะ 1 ปี ข้างหน้า

ทั้งนี้ ความต้องการสภาพคล่องในประเทศจะเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี ไม่ว่ามาจากสินเชื่อ การระดมทุนภาคเอกชน การกู้เงินของรัฐบาล ดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษจะสูงขึ้นตามสภาพคล่องและต้นทุนการเงินที่แท้จริง ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปจะยังไม่ขยับขึ้นมากนัก ด้านดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกหนี้รายย่อยไม่ได้รับผลกระทบในช่วงแรก แต่หากสภาพคล่องลดลงมาก อาจจะมีการปรับให้สมดุล

 

สอดคล้องกับมุมมองของ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ในปีนี้มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐ ที่ นายโดนัลด์  ทรัมป์ มีแนวคิดที่จะใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดเกิดความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และภาคส่งออกจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ในช่วงขาขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ข้อเสีย คือ สภาพคล่องในระบบจะลดลงจากเงินทุนไหลออกไปหาผลตอบแทนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้น  ขณะที่ประเทศไทยเองคาดว่าในปีนี้อัตราผลตอบแทน พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.5% ในปีนี้  ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการระดมทุนของเอกชนเพิ่มขึ้น และจะเห็นภาคเอกชนหันมาใช้สินเชื่อแทนการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ ซึ่งคาดว่าในปีนี้สินเชื่อทั้งระบบจะขยายตัวประมาณ 6-7%  บนสมมติฐานจีดีพีเติบโต 3.5%  ดังนั้นจะเริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์เร่งระดมเงินฝาก เพื่อรักษาสภาพคล่องตั้งแต่ต้นปีนี้


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ม.ค. 2560 เวลา : 21:22:57
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 8:34 pm