การตลาด
สกู๊ป "ตลาดน้ำแร่"คึก รายใหม่เปิดศึกชิงแชร์ 3,800 ล้าน


หลังจากคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพหลายรายการได้รับอานิสงส์มียอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าน้ำแร่ ซึ่งปีนี้ดูเหมือนว่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เห็นได้จากผู้ประกอบการในตลาดออกมาเปิดตัวกลุ่มสินค้าน้ำแร่เข้าทำตลาด เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำแร่ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดน้ำแร่ในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้านบาท  

 



              

สำหรับผู้นำตลาดน้ำแร่ของไทยในปัจจุบันเป็นของแบรนด์ ออร่า ของค่ายทิปโก้ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 50% ตามด้วยแบรนด์มินาเร ของค่ายเนสท์เล่ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 30% และแบรนด์มองต์เฟลอ ของค่ายสหพัฒน์ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 20%

               

 

จากแนวโน้มการขยายตัวที่ดีของตลาดน้ำแร่ ส่งผลให้คาดการณ์ว่าปีนี้ภาพรวมตลาดน้ำแร่น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากปีนี้มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น หนึ่งในนั้น คือ "น้ำแร่ช้าง" ของบริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ

นายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดน้ำแร่ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองตลาดน้ำแร่ก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวบริษัทจึงได้ออกมาเปิดตัว “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” เข้าทำตลาด ด้วยการวางโพซิชั่นนิ่งของสินค้าเป็นน้ำแร่พรีเมี่ยม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมี่ยม

การเปิดตัวน้ำแร่ตราช้างเข้าทำตลาดในครั้งนี้ นอกจากจะหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดน้ำแร่ที่ยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดแล้ว ยังถือเป็นการเติมเต็มพอร์ตผลิตภัณฑ์แบรนด์ช้างให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ขณะเดียวกันยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ช้างให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น

สำหรับจุดเด่นของน้ำแร่ตามช้างที่แตกต่างไปจากคู่แข่งในตลาด คือ ผลิตจากแหล่งน้ำบริสุทธิ์จากชั้นหินให้น้ำธรรมชาติ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สะสมแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่างๆ นำมาผ่านกระบวนการผลิตระบบการกรองแบบ 3 ชั้น (Triple Filtration Process) ซึ่งได้รับการรับรองคุณภาพจาก NSF สถาบันรับรองความปลอดภัยการผลิตอาหารและน้ำดื่มจากประเทศสหรัฐ

นอกจากนี้ ในด้านของบรรจุภัณฑ์น้ำแร่ตราช้าง ยังมีความโดดเด่นในด้านของการออกแบบดีไซน์ขวดให้เป็นสีเขียวมรกต ซึ่งถือว่าแตกต่างไปจากน้ำแร่ทั่วไปในตลาด ช่วยทำให้มีความสะดุดตาและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของน้ำแร่ตราช้าง

นายเอ็ดมอนด์ กล่าวว่า บริษัทได้วางตำแหน่งทางการตลาดน้ำแร่ตราช้างให้เป็นน้ำแร่ในกลุ่มพรีเมี่ยม โดยการวางราคาจำหน่ายขนาด 460 มล.ไว้ที่ขวดละ 10 บาท ซึ่งหลังจากทดลองนำสินค้าเข้าทำตลาดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมาภายในเซเว่น อีเลฟเว่น พบว่า ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยภายใน 3 ปีนับจากนี้ บริษัทมั่นใจว่าน้ำแร่ตราช้างจะมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดได้อย่างแน่นอน

 

อีกหนึ่งรายที่ออกมาเปิดตัวน้ำแร่แบรนด์น้องใหม่เข้าทำตลาด คือ "ควาฟิน่า"  ของบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด  หลังจากเปิดตัวน้ำดื่มแบรนด์อควาฟิน่าเข้ามาทำตลาดพักใหญ่จนแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาด ค่ายเป๊ปซีก็ลุยเปิดศึกตลาดน้ำแร่ต่อยอดธุรกิจทันที

นายโอเมอร์ มาลิค
กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดในประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์  โดยปัจจุบันตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง  33,000 ล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลตลาดน้ำดื่มบรรจุขวดปี พ.ศ. 2559 บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด) และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดน้ำดื่มของไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 9.2%1 เมื่อเทียบกับปี 2558 ซึ่งสินค้าที่ช่วยผลักดันให้ตลาดน้ำดื่มของไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ น้ำแร่ เนื่องจากปัจจุบันคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพ จนทำให้เกิดเทรนด์รักสุขภาพในกลุ่มคนรุ่นใหม่  ซึ่งปัจจุบันหันมาบริโภคน้ำแร่แทนน้ำดื่มทั่วไปมากขึ้น

นายโอเมอร์ กล่าวต่อว่า การเปิดตัวน้ำแร่อควาฟิน่าเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ บริษัทได้ชูจุดเด่นของสินค้าด้วยการเป็นน้ำแร่ธรรมชาติ 100% ผลิตจากแหล่งคุณภาพในประเทศไทย ที่ จ.ปทุมธานี  ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากถึง 7 ชนิด ประกอบด้วย แมกนีเซียม โพแทสเซียม โซเดียม ไบคาร์บอเนต ซัลเฟต ฟลูออไรด์ และแคลเซียม ปัจจุบันมีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาด 550 มล. ในราคา 10 บาท และขนาดใหญ่ 1.5 ลิตร ในราคา 19 บาท เริ่มวางจำหน่ายในเดือน พ.ค.นี้ เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพเป็นหลัก ซึ่งหลังจากวางสินค้าเข้าทำตลาดคาดว่าจะได้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ

 

ขณะที่ผู้เล่นรายใหม่กำลังอยู่ระหว่างการสร้างฐานลูกค้า ในส่วนของกลุ่มผู้เล่นรายเก่าก็เริ่มออกมาป้องกันส่วนแบ่งการตลาด  หนึ่งในนั้น คือ "น้ำแร่เพอร์ร่า" หลังจากดุงดีไซน์เนอร์ชื่อดังมาออกแบบลวดไลน์บรรจุภัณฑ์ของขวดน้ำแร่เพอร์ร่าเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็มีการปล่อยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่ยังคงใช้พลอย-เฌอมาลย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้า ซึ่งในส่วนของภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่นี้ ภาพลักษณ์ของน้ำแร่เพอร์ร่าจะมีความหรูหราและพรีเมียมมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า

แม้ว่าขณะนี้ผู้นำตลาดเบอร์ 1 เบอร์ 2 และเบอร์ 3 จะยังไม่ออกมาทำกิจกรรมการตลาด เพื่อปกป้องส่วนแบ่งการตลาด แต่จากการแข่งขันที่รุนแรงนับวันจะมีความรุนแรง คาดว่า เร็วๆ นี้ ทั้ง 3 ค่ายต้องออกมาแสดงพลังให้น้องใหม่ร้อนๆหนาวๆแน่นอน


LastUpdate 14/05/2560 15:10:38 โดย : Admin
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 6:57 pm