ชีวาทัย เดินหน้าปรับพอร์ตลงทุน เพิ่มน้ำหนักแนวราบ ลดสัดส่วนแนวสูง กระจายความเสี่ยง เล็งลงทุนโครงการทั้งแนวราบ-แนวสูง มูลค่า 5,915 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20%

นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ชีวาทัย  จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการทั้งแนวสูง และแนวราบ จำนวนรวม 6 แปลง และอยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโฮมออฟฟิศ อีก 3-4 แปลง ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบใหม่ที่จะลงทุน รวมถึงจะซื้อที่ดินเพื่อรองรับโครงการร่วมทุนจำนวน 1 แปลง และจะซื้อที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อรอการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่อีกจำนวน 1 แปลง 

โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท และอีก 1,500 ล้านบาท จะมาจากการออกหุ้นกู้ โดยเมื่อต้นปี 2561 บริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว จำนวนไม่เกิน 500 บาท

ขณะเดียวกัน ยังที่อยู่ระหว่างศึกษาการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ โดยเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 750 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายหุ้นละ 1.15 บาท 

อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้ารายได้ภายใน 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 55% โครงการแนวราบ 40% และรายได้จากโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่าอีก 5% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนคอนโดมิเนียม 90% และแนวราบ 10%

สำหรับการดำเนินงานนั้น บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท หรือโตกว่า 20% ซึ่งจะเปิดตัว 7 โครงการใหม่ทั้งแนวราบ-แนวสูง มูลค่า 5,915 ล้านบาท เป็นโครงการที่บริษัทดำเนินการเอง 5 โครงการ และโครงการร่วมทุนอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย เรสซิเดนท์ ทองหล่อ (ทองหล่อ 20) เป็นคอนโดมิเนียม โลว์ไร้ส์ จำนวน 155 ยูนิต มูลค่า 954 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส  3 ปีนี้ 

โครงการฮอลล์มาร์ค เกษตรนวมินทร์ เป็นคอนโดมิเนียมโลวไรส์ จำนวน 480 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงสิ้นปีนี้ จะก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า ,โครงการชีวาวัลย์ พุทธมณฑล สาย 1 เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 53 ยูนิต มูลค่า 1,226 ล้านบาท คาดจะเปิดขายในไตรมาส 4 ปีนี้  ,โครงการชีวา โฮม รังสิต-คลอง 4 เป็นทาวน์โฮม  ขนาด 275 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปีนี้  

โครงการชีวาโฮม ประชาอุทิศ 90 เป็นทาวน์โฮม ขนาด 391 ยูนิต มูลค่า 885 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ,โครงการชีวา ฮาร์ท สุขุมวิท เป็นทาวน์โฮม  มูลค่า 270 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงปลายปีนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ และโครงการชีวา ฮาร์ท ทองหล่อ เป็นทาวน์โฮม มูลค่า 270 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายสิ้นปีนี้ และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2562

นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ การลงทุนโครงการเมกะโปรเจ็คของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ส่วนแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยย่านใจกลางเมือง ยังมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ๆ โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเพิ่มมากขึ้น เช่น แอร์พอร์ตลิงค์ และแนวรถไฟฟ้าสายในอนาคต ทั้ง สายสีเหลืองและสีชมพู รวมถึงสายสีเขียวและสีน้ำเงิน เป็นต้น  ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสนใจเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญกับลูกค้าจึงได้จัดทำ  "ชีวาทัย โซไซตี้” (Chewathai Society) ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากการออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และประสบการณ์ที่พิเศษกว่าของลูกบ้านโดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดที่ยึดถือว่า ลูกค้าของชีวาทัยต้องได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเป็นลูกบ้านของชีวาทัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสร้างความแตกต่างในเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่มีให้ 

 นอกจากนี้ ยังมีบริการ Chewathai care (Chewa Care : Chewa call 1260) เหมือนลูกค้าได้มีผู้ช่วยส่วนตัว ที่คอยให้คำปรึกษา สอบถามการใช้งาน และแนะนำการดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ  ในที่พักอาศัยของลูกค้าให้มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น และมีสภาพดีอยู่เสมออีกด้วย  ” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว