นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า หลังจากกรมการขนส่งทางบกได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าหลีกเลี่ยงการขนส่งด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2561 โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการทำการขนส่งสินค้าเท่าที่จำเป็น ทำให้ปริมาณรถบรรทุกที่วิ่งขนส่งสินค้าบนท้องถนนในช่วงที่ผ่านมาลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากใกล้สิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์และเป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับ กรมการขนส่งทางบกจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าให้งดเว้นหรือหลีกเลี่ยงการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะสิ้นสุดช่วงการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ในส่วนที่มีความจำเป็นต้องขนส่งสินค้าขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางและช่วงเวลาที่มีปริมาณรถบนท้องถนนหนาแน่น และขอความร่วมมือไม่ให้จอดรถบริเวณไหล่ทาง เพื่อป้องกันอันตรายกรณีชนท้ายรถ รวมถึงให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานการจราจรห้ามรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปวิ่งในบางเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น 3 เส้นทาง ได้แก่ ถนนมิตรภาพ, ถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย และถนนสาย 348 เส้นทางอรัญประเทศ ซึ่งเป็นเส้นทางที่การจราจรหนาแน่นมากที่สุด เพื่อช่วยลดความแออัดในการเดินทางและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดโอกาสความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุช่วงเทศกาล ถือเป็นการมอบความสุข ความสะดวก และความปลอดภัยในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนอีกทางหนึ่ง

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่มีความจำเป็นต้องขนส่งสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมการขนส่งทางบกได้เข้มงวดตรวจความพร้อมของรถบรรทุกที่ออกจากสถานีขนส่งสินค้าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล, สถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง, สถานีขนส่งสินค้าร่มเหล้า โดยเฉพาะการตรวจอุปกรณ์ล็อคตู้คอนเทนเนอร์ (Twist Lock) และตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถ และกำชับให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยในการขนส่งอย่างเคร่งครัด มีสิ่งป้องกันไม่ให้สิ่งของที่บรรทุกตกหล่น พร้อมให้คำแนะนำกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถขัดข้องจนมีความจำเป็นต้องจอดรถบนทางเดินรถหรือไหล่ทางในเวลากลางคืน ต้องเปิดสัญญาณไฟกะพริบทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ หรือแสดงเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์เตือนที่ผู้ใช้รถคันอื่นสามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกล พร้อมดำเนินการแก้ไขและเคลื่อนย้ายรถให้พ้นจากทางเดินรถโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากกรณีชนท้าย เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลความปลอดภัย การใช้ความเร็ว กรมการขนส่งทางบกจัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วด้วยกล้องเลเซอร์ และติดตามพฤติกรรมการขับรถผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค แบบออนไลน์เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ, ตำรวจทางหลวง, ผู้ประกอบการ แก้ไขปัญหาได้อย่างทันสถานการณ์ หากพบรถบรรทุกขับขี่อันตรายเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ดำเนินการตามกฎหมายในอัตราโทษสูงสุด และผู้ประกอบการต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด