การตลาด
สกู๊ป 'ธุรกิจอาหาร' โชว์สินค้านวัตกรรมใหม่ขยายฐานลูกค้าใหม่


แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวในทิศทางที่ดีมากนัก แต่สำหรับธุรกิจร้านอาหารยังคงมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยในปัจจุบันว่ายังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 385,000 ล้านบาท 

สำหรับธุรกิจร้านอาหารที่มีอัตราการเติบโตสูง คือ ธุรกิจร้านอาหารที่มีแนวคิดในการตอบสนองวิถีคนเมืองที่นิยมความรวดเร็ว สะดวกสบาย มีเวลาจำกัด เนื่องจากปัจจุบันชีวิตคนเมืองมีความรีบเร่ง ดังนั้นความสะดวก และรวดเร็วถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการ 

 

นอกจากนี้  สินค้าและบริการที่ดีมีคุณภาพเพื่อการบริโภค รวมถึงการให้บริการที่สอดรับกับพฤติกรรมการใช้เวลากับสังคมออนไลน์มากขึ้นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ลูกค้ายุคใหม่ต้องการ เนื่องจากปัจจุบันคนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องทุกเทคโนโลยี ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวผู้ประกอบการธุรกิจอาหารจึงต้องมีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 

 

นายศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ ผู้ก่อตั้งธุรกิจร้านอาหารไทยแบรนด์ตำมั่วและหัวหน้า กลุ่มบริหารธุรกิจอาหารไทยในเครือเซ็นกรุ๊ป กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ บริษัทจะพาแบรนด์ร้านตำมั่วไปในตลาดโลก ด้วยการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับการนำสินค้าน้ำปลาร้า ผัดหมี่โคราช และปลาร้าบองเข้ามาทำตลาด ซึ่งในส่วนของปีนี้นอกจากจะมีสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะใช้งานไทยเฟกซ์ เป็นประตูสู่การหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทำธุรกิจร้านตำมั่วในตลาดต่างประเทศ 

 

ปัจจุบันร้านตำมั่วมีสาขาเปิดให้บริการในตลาดต่างประเทศร่วมกับพันธมิตรแล้ว 7 สาขา ประกอบด้วย พม่า 3 สาขา ลาว 3 สาขา และกัมพูชา 1 สาขา ซึ่งในส่วนของปีนี้มีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาเพื่อให้ครบ 10 สาขาในสิ้นปีนี้ โดยในส่วนของสาขาใหม่ที่จะเปิดนั้น ประกอบด้วย เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา 1 สาขา ปักเซ ประเทศลาว 1 สาขา และกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 1 สาขา

นายศิรุวัฒน์ กล่าวว่า ความตั้งใจของบริษัท  คือ การนำร้านตำมั่วไปเปิดให้บริการทั่วโลก จากเดิมจะเน้นแค่ตลาดในซีแอลเอ็มวีเท่านั้น เนื่องจากบริษัทมองเห็นโอกาสทางการตลาด โดยขณะนี้ได้เตรียมบุคลากรที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องของกตลาดต่างประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว

 

  

นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจอาหารปีนี้ บริษัทจะเน้นตลาดอาหารสดระดับพรีเมี่ยม โดยปัจจุบัน S-Pure ถือครองส่วนแบ่งตลาดถึง 90% โดยตลาดในประเทศ มุ่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น ทั้งในเขตเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว ผ่านร้านค้าปลีกชั้นนำ เช่น Gourmet Market, Home Fresh Mart, Central Food Hall, Tops Market และ Villa Market เป็นต้น 

 

สำหรับตลาดส่งออก มีแผนขยายตลาดไปในประเทศ บาห์เรน กาตาร์ สเปน และโรมาเนีย โดยปีนี้ตั้งเป้าส่งออกเนื้อไก่ 78,000 ตัน เนื้อหมู 5,800 ตัน เพิ่มขึ้น 17% จากปีที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมตลาดอาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทานของประเทศไทยในปัจจุบันว่า มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น สำหรับสินค้าอาหารแปรูปของเครือเบทาโกร ไตรมาสแรกปีนี้ มีอัตราเติบโต 22%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา  จึงใช้งบลงทุน 750 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ หรือ Betagro Central Kitchen ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ 11,015 ตารางเมตร กำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับตลาดดังกล่าว

อย่างไรก็ดี จากผลการสำรวจความต้องการผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์แบบชีวิตคนเมือง พบว่า สินค้าประเภทแปรรูป และพร้อมทาน หรือ Ready to Eat กลายเป็นทางเลือกสำคัญของผู้บริโภคเพราะประหยัดเวลา และลดขั้นตอนของการเตรียมอาหาร ด้วยเหตุดังกล่าว เบทาโกร เลยมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่

 

 

นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและการขาย บริษัท  .ขอนแก่น ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย กล่าวว่า แผนดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งสร้างการเติบโตให้แก่ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่ประกอบด้วย ธุรกิจผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อหมูหรือผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมือง ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ธุรกิจอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานและธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจผลิตภัณพ์อาหารพื้นเมืองภายใต้แบรนด์ . ขอนแก่น ที่ในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งให้ความสำคัญกับการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจหลักที่ทำสัดส่วนยอดขายสูงสุด อีกทั้งบริษัทฯ มองว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองมีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าแบบดั้งเดิมและห้างค้าปลีกสมัยใหม่

การกลับมาเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองในครั้งนี้ .ขอนแก่น  มีเป้าหมายต้องการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดที่มีมาตลอดกว่า 30 ปี จากคุณภาพสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค เนื่องจากมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถผลักดันยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวทางการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองภายใต้แบรนด์ .ขอนแก่นในปีนี้ จะใช้แนวคิดเพราะทุกคนสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุดโดยมุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อปรับสินค้าทุกประเภทมุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งรสชาติความอร่อย กลิ่นและเนื้อสัมผัส ราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกในการบริโภค รวมถึงปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงาม เพื่อเป็นการขอบคุณผู้บริโภคที่ไว้วางใจแบรนด์ .ขอนแก่น มากว่า 30 ปี 

ด้านนางนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้ง บริษัท บลู เอเลเฟ่นท์ กรุ๊ป  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องแกง น้ำจิ้ม เครื่องปรุงรส ข้าวและก๋วยเตี๋ยว รวมถึงอาหารว่าง กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ด้วยการชูความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทยมาเป็นเอกลักษณ์ของการพัฒนาสินค้าใหม่เข้าทำตลาด เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นจริงที่ว่าอาหารไทยรสชาติอร่อย เครื่องปรุงต้องถึงรสถึงเครื่องแบบไทยๆ เนื่องจากผืนแผ่นดินไทยมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่หลากหลายที่เอื้อต่อการเพาะปลูกวัตถุดิบปรุงอาหาร


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 มิ.ย. 2561 เวลา : 11:10:52
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 7:13 am