การตลาด
สกู๊ป 'สยามพิวรรธน์' ผนึกยักษ์ค้าปลีกอเมริกา ลุย! เอาท์เล็ตพรีเมียม


ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ได้ออกมาแสดงความสนใจอยากจะทำธุรกิจในประเทศไทยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวธุรกิจเอาท์เล็ตในไทยยังไม่เป็นที่นิยม ประกอบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยก็ยังมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวยังไม่มาก จึงทำให้บริษัท สยามพิวรรธน์ ต้องพับแผนการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบดังกล่าวไป

 

 

แต่หลังจากการท่องเที่ยวของไทยเริ่มมีการขยายตัวดีขึ้น ประกอบกับคนไทยเริ่มมีความเข้าใจในธุรกิจค้าปลีกประเภทเอาท์เล็ต เห็นได้จากในแต่ละปีที่คนไทยขนเงินออกนอกประเทศ เพื่อไปช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมในต่างประเทศปีละหลักแสนล้านบาท เลยทำให้บริษัท สยามพิวรรธน์ ต้องหันมาทบทวนการทำธุรกิจเอาท์เล็ตในประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกรูปแบบดังกล่าวเข้ามาร่วมธุรกิจ

ในปีที่ผ่านมาบริษัท สยามพิวรรธน์ ได้เริ่มทำการเจรจาธุรกิจกับบริษัท ไซม่อน ยักษ์ใหญ่ธุรกิจค้าปลีกที่มีความชำนาญในด้านของการทำเอาท์เล็ตพรีเมียม เพื่อจีบเข้ามาร่วมลงทุนเปิดธุรกิจเอาท์เล็ตพรีเมียมในประเทศไทย ระยะเวลาผ่านไป 12 เดือน การเจรจาลุล่วงไปด้วยดี บริษัท ไซม่อน ตัดสินใจที่จะเข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัท สยามพิวรรธน์

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มิ..ที่ผ่านมา บริษัท สยามพิวรรธน์ และบริษัท ไซม่อน ได้เซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกัน ด้วยการก่อตั้งบริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเอาท์เล็ตพรีเมียมในประเทศไทย จำนวน 3 แห่ง ภายในระยะเวลา 5 นับจากนี้

 

 

โครงการแรกของการร่วมทุนระหว่างไซม่อนกับกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จะเป็นลักชัวรีพรีเมียมเอาท์เล็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 50,000 ตารางเมตร บนที่ดิน 150 ไร่ บริเวณทิศตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ทั้ง 2 บริษัทเลือกที่จะเปิดสาขาแรกที่กรุงเทพฯ เพราะเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากกว่า 14 ล้านคน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เขตเมือง และถือเป็นจังหวัดที่เป็นประตูสู่การท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการก่อสร้างพรีเมียมเอาท์เล็ตแห่งแรกของไทยนั้น ในอีก 2 นับจากนี้จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง เพื่อให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนต.. 2562 ภายในเอาท์เล็ตดังกล่าวจะประกอบไปด้วย ร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์และแบรนด์ของดีไซเนอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบและได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงแบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนลและแบรนด์ไทยต่างๆ

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะทำให้โครงการนี้เป็นพื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์ ผสมผสานพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ การนัดสังสรรค์และกินดื่ม รวมทั้งกิจกรรม เพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ นำเสนอให้แก่ผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาใช้เวลาในสถานที่แห่งนี้ โดยผู้มาเยี่ยมเยือนโครงการจะได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าที่หลากหลายที่มอบส่วนลด 25-70% ทุกวัน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจากดีไซเนอร์ต่างๆ รองเท้า แอคเซสเซอรี่แฟชั่น ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง แบรนด์พิเศษ ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับแบรนด์ที่พบได้ในพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตปัจจุบันของไซม่อนในที่ต่างๆ ทั่วโลก

นอกจากจะมีบริการในด้านของสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม ร้านค้า และร้านอาหารในรูปแบบต่างๆ แล้ว บริษัท สยามพิวรรธน์ และบริษัท ไซม่อน ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่ม เพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าวเป็นเมืองแห่งการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชอบ

หลังจากเปิดให้บริการสาขาแรกไปในปี 2562 บริษัท สยามพิวรรธน์ ก็จะดำเนินการก่อสร้างสาขาต่อไปทันที โดยในส่วนของอีก 2 สาขา มองไว้ที่ภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งในส่วนของที่ดินที่จะนำมาพัฒนาเบื้องต้นคาดว่าจะใกล้เคียงกับสาขาแรกที่เตรียมไว้ 150 ไร่ ส่วนงบลงทุนรวมทั้ง 3 สาขา ทั้ง 2 บริษัทได้เตรียมไว้ที่กว่า 10,000 ล้านบาท

 

 

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวอีกว่า สยามพิวรรธน์ และไซม่อน มีวิสัยทัศน์เดียวกันที่ว่า วงการค้าปลีกในอนาคตจะให้ความสำคัญกับการนำเสนอประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจที่มากไปกว่าการมาซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งมอบโอกาสให้แก่ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนจุดหมายปลายทางต่างๆ ของเรา ได้พบปะผู้คน เติมเต็มความสุขและความสนุกสนาน เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมทั้งค้นหาสิ่งที่สะท้อนความสนใจและไลฟ์สไตล์ของตนเอง ด้วยวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจที่เหมือนกันดังกล่าว จึงทำให้บริษัทตัดสินใจจับมือร่วมกับดำเนินธุรกิจพรีเมียมเอาท์เล็ตในประเทศไทย

ด้านนายมาร์ค ซิลเวสทรี รองกรรมการผู้จัดการ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นพันธมิตรกับบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้สร้างสรรค์และบริหารศูนย์ค้าปลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายแห่งในภูมิภาคตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ด้วยแนวคิดล้ำสมัย การออกแบบและสถาปัตยกรรมเปี่ยมความสร้างสรรค์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าดึงดูด รวมไปถึงค่านิยมและรากเหง้าความเป็นไทยที่แข็งแกร่ง จึงทำให้ บริษัท สยามพิวรรธน์มี ความโดดเด่นในฐานะผู้ร่วมลงทุนกับไซม่อน เพื่อนำประสบการณ์การช้อปปิ้งพรีเมี่ยม เอาท์เล็ตมาสู่ประเทศไทย

เหตุผลที่บริษัท ไซม่อน เห็นด้วยกับบริษัท สยามพิวรรธน์ เลือกกรุงเทพฯ เปิดพรีเมียมเอาท์เล็ตสาขาแรก เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนมีความเป็นคนเมือง ประกอบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลจากทั่วโลก จึงทำให้กรุงเทพฯ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต แห่งแรก และการที่เลือกทิศตะวันออก เพราะเป็นทำเลที่เดินทางสะดวกและมองเห็นได้จากทางด่วนเชื่อมต่อกับตัวเมืองที่มีผู้คนใช้มากที่สุด

ปัจจุบันไซม่อนเป็นเจ้าของพรีเมียมเอาท์เล็ตจำนวน 96 แห่งทั่วโลก ในจำนวนนี้ 15 แห่งอยู่ในเอเชีย ประกอบด้วย ญี่ปุ่น 9 แห่ง เกาหลี 4 แห่ง และมาเลเซีย 2 แห่ง ซึ่งในจำนวนเอาท์เล็ตดังกล่าวมีพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตระดับลักชัวรี่ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ได้แก่ WOODBURY COMMON PREMIUM OUTLETS (NEW YORK), DESERT HILLS PREMIUM OUTLETS (PALM SPRINGS), LAS VEGAS NORTH PREMIUM OUTLETS, YEOJU PREMIUM OUTLETS (SEOUL), GOTEMBA PREMIUM OUTLETS (TOKYO) และ AND JOHOR PREMIUM OUTLETS (MALAYSIA)

หลังจากเปิดให้บริการ ทั้ง 2 บริษัท คาดการณ์ว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นที่น่าพอใจ ส่วนจะเป็นจำนวนเท่าไหร่นั้นยังไม่ขอประเมินในตอนนี้ แต่ที่สามารถประเมินได้ คือ น่าจะมีลูกค้าที่เป็นคนไทยเข้ามาใช้บริการคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% เป็นกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากธุรกิจเอาท์เล็ตค่อนข้างเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวทั่วโลก


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 มิ.ย. 2561 เวลา : 19:53:39
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 10:31 am