ข่าวประชาสัมพันธ์
NIDA Poll เรื่อง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพลสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง ด้วยความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของนิด้าโพลด้วยวิธีแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Random Sampling) โดยแบ่งชั้นภูมิตามภูมิภาค จากนั้นในแต่ละภูมิภาคสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ ร้อยละ 95.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา (มกราคมมิถุนายน 2561) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.88 ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ลง เพราะ ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น รองลงมา ร้อยละ 30.24 ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจเท่าเดิม เพราะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย และร้อยละ 14.88 ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะ มีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่บางส่วนระบุว่า ราคาพืชผลทางการเกษตรมีการขยับตัวสูงขึ้น

 

 

ด้านข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายที่อยากให้รัฐบาลนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.68 ระบุว่า นโยบายรับซื้ออุดหนุนพืชผลทางการเกษตร รองลงมา ร้อยละ 42.80 ระบุว่า นโยบายควบคุมราคาสินค้า ร้อยละ 19.84 ระบุว่า นโยบายเพิ่มงานเพิ่มอาชีพ ลดปัญหาการว่างงาน และแรงงานนอกระบบ ร้อยละ 17.44 ระบุว่า นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยและคงอัตราภาษี ร้อยละ 17.04 ระบุว่านโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ร้อยละ 12.64 ระบุว่า นโยบายมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่มีรายได้น้อยเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ11.68 ระบุว่า นโยบายในการสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการจัดการเลือกตั้ง ร้อยละ 8.80 ระบุว่า นโยบายที่สนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) ร้อยละ 7.28 ระบุว่า นโยบายที่ส่งเสริมประสิทธิภาพในการส่งออกของประเทศไทย ร้อยละ 5.12 ระบุว่า นโยบายพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และร้อยละ 2.88 ระบุว่า อื่น ได้แก่ นโยบายการลดราคาน้ำมัน การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และนโยบายต่าง ที่รัฐบาลดำเนินการก็ดีอยู่แล้ว ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่มีนโยบายที่จะนำเสนอ

สำหรับความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.64 ระบุว่า ไม่มีความเชื่อมั่น เพราะ นโยบายและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ช่วยประชาชนทุกระดับอย่างแท้จริง เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นโครงการที่ไม่ต่อเนื่อง และเป็นโครงการระยะสั้น รองลงมา ร้อยละ 38.32 ระบุว่า มีความเชื่อมั่น เพราะ นโยบายและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความน่าเชื่อถือ เป็นโครงการที่ดี ทำให้หลาย ๆอย่างดีขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่า มีผู้นำที่ดีและมีความเข้มแข็ง และร้อยละ 5.04 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเมื่อมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลชุดใหม่ จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.64 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีแนวทางในการบริหารและพัฒนาประเทศได้ดีกว่า รองลงมา ร้อยละ 22.40 ระบุว่า เศรษฐกิจของไทยจะเหมือนเดิม เพราะ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่แก้ยาก ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา และต้องอาศัยปัจจัยหลาย อย่างร่วมด้วย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็เหมือนเดิม ร้อยละ 2.00 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง เพราะ เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก และจะ ไม่มีความต่อเนื่องในการดำเนินการแก้ไขปัญหา และร้อยละ 14.96 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.72 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 26.32 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 18.56 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 32.40 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 14.00 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่างร้อยละ 52.64 เป็นเพศชาย ร้อยละ 47.28 เป็นเพศหญิง และร้อยละ 0.08 เป็นเพศทางเลือก ตัวอย่างร้อยละ 6.88 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 17.52 มีอายุ 26 – 35 ปี ร้อยละ 21.68 มีอายุ 36 – 45 ปี ร้อยละ 32.32 มีอายุ 46 – 59 ปี ร้อยละ 20.56 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 1.04 ไม่ระบุอายุ ตัวอย่างร้อยละ 93.28 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.12 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.36 นับถือศาสนาคริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ ไม่นับถือศาสนาใด และร้อยละ 2.24 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่างร้อยละ 23.44 ระบุว่าสถานภาพโสด ร้อยละ 68.80 สมรสแล้ว ร้อยละ 4.88 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 2.88 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส ตัวอย่างร้อยละ 26.80 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 29.76 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.28 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.20 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 5.60 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 3.36 ไม่ระบุการศึกษา



ตัวอย่างร้อยละ 10.80 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 14.24 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 22.32 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 17.04 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.00 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 15.36 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.72 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 3.52 ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่างร้อยละ 13.28 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 25.52 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 24.96 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท ร้อยละ 10.64 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท ร้อยละ 6.80 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท ร้อยละ 7.84 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 11.68 ไม่ระบุรายได้

1. ท่านคิดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา ดีขึ้นหรือไม่

2. ในฐานะประชาชน ท่านอยากนำเสนอนโยบายเรื่องอะไรบ้างให้รัฐบาลนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

ข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายที่อยากให้รัฐบาลนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ร้อยละ

นโยบายรับซื้ออุดหนุนพืชผลทางเกษตร 45.68

นโยบายควบคุมราคาสินค้า 42.80

นโยบายเพิ่มงานเพิ่มอาชีพ ลดปัญหาการว่างงาน และแรงงานนอกระบบ 19.84

นโยบายลดอัตราดอกเบี้ยและคงอัตราภาษี 17.44

นโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 17.04

นโยบายมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น 12.64

นโยบายในการสร้างความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการจัดการเลือกตั้ง 11.68

นโยบายที่สนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) 8.80

นโยบายที่ส่งเสริมประสิทธิภาพในการส่งออกของประเทศ 7.28

นโยบายพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) 5.12

อื่น ได้แก่ นโยบายการลดราคาน้ำมัน การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน และนโยบายต่าง

ที่รัฐบาลดำเนินการก็ดีอยู่แล้ว ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่มีนโยบายที่จะนำเสนอ 2.88

3. ท่านมีความเชื่อมั่นหรือไม่ว่าการบริหารงานของรัฐบาลและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้เศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น

** (เช่น โครงการไทยนิยมเข้มแข็ง, การอนุมัติโครงการตามมติคณะรัฐมนตรีสัญจรในจังหวัดต่าง , บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ธงฟ้าประชารัฐ เป็นต้น) ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม - ธันวาคม 2561

ความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ร้อยละ

ไม่มีความเชื่อมั่น เพราะ นโยบายและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่ได้ช่วยประชาชนทุกระดับอย่างแท้จริง

เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นโครงการที่

ไม่ต่อเนื่อง และเป็นโครงการระยะสั้น 56.64

เชื่อมั่น เพราะ นโยบายและโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีความน่าเชื่อถือ เป็นโครงการที่ดี ทำให้หลาย

อย่างดีขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่า มีผู้นำที่ดีและมีความเข้มแข็ง 38.32

ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ 5.04

รวม 100.00

4. เมื่อมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ ท่านคิดว่าจะทำให้ เศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือไม่

เมื่อมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ จะทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือไม่ ร้อยละ

เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น เพราะ ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากมีความมั่นใจต่อรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

รัฐบาลชุดใหม่น่าจะมีแนวทางในการบริหารและพัฒนาประเทศได้ดีกว่า 60.64

เศรษฐกิจไทยจะเหมือนเดิม เพราะ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่แก้ยาก ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา และต้องอาศัย

ปัจจัยหลาย อย่างร่วมด้วย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็เหมือนเดิม 22.40

เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง เพราะ เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก และจะไม่มีความต่อเนื่องในการดำเนินการแก้ไขปัญหา

เนื่องรัฐบาลใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ในการบริหารงาน 2.00

ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ 14.96

รวม 100.00

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา (มกราคมมิถุนายน 2561) ร้อยละ

ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ลง เพราะ ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และราคาสินค้า

ปรับเพิ่มสูงขึ้น 54.88

ภาพรวมเศรษฐกิจเท่าเดิม เพราะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลย 30.24

ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น เพราะ มีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่บางส่วนระบุว่า ราคาพืชผลทางการเกษตรมีการขยับตัว

สูงขึ้น 14.88

รวม 100.00

ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง

ตารางที่ 1 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามภูมิภาค

ภูมิภาค จำนวน ร้อยละ

กรุงเทพฯ 109 8.72

ปริมณฑลและภาคกลาง 329 26.32

ภาคเหนือ 232 18.56

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 405 32.40

ภาคใต้ 175 14.00

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 2 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามเพศ

เพศ จำนวน ร้อยละ

ชาย 658 52.64

หญิง 591 47.28

เพศทางเลือก 1 0.08

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 3 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามอายุ

อายุ จำนวน ร้อยละ

18 – 25 ปี 86 6.88

26 – 35 ปี 219 17.52

36 – 45 ปี 271 21.68

46 – 59 ปี 404 32.32

60 ปีขึ้นไป 257 20.56

ไม่ระบุ 13 1.04

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 4 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามศาสนา

ศาสนา จำนวน ร้อยละ

พุทธ 1,166 93.28

อิสลาม 39 3.12

คริสต์ /ฮินดู/ซิกข์/ยิว/ไม่นับถือศาสนาใด 17 1.36

ไม่ระบุ 28 2.24

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 5 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามสถานภาพการสมรส

สถานภาพการสมรส จำนวน ร้อยละ

โสด 293 23.44

สมรส 860 68.80

หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่

61 4.88

ไม่ระบุ 36 2.88

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 6 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามระดับการศึกษา

ระดับการศึกษา จำนวน ร้อยละ

ประถมศึกษาหรือต่ำกว่า 335 26.80

มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 372 29.76

อนุปริญญาหรือเทียบเท่า 91 7.28

ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 340 27.20

สูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 70 5.60

ไม่ระบุ 42 3.36

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 7 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามอาชีพหลัก

อาชีพหลัก จำนวน ร้อยละ

ข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 135 10.80

พนักงานเอกชน 178 14.24

เจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ 279 22.32

เกษตรกร/ประมง 213 17.04

รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน 175 14.00

พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 192 15.36

นักเรียน/นักศึกษา 34 2.72

พนักงานองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหากำไร - -

ไม่ระบุ 44 3.52

รวม 1,250 100.00

ตารางที่ 8 แสดงจำนวน และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตามรายได้เฉลี่ยต่อเดือน

รายได้เฉลี่ยต่อเดือน จำนวน ร้อยละ

ไม่มีรายได้ 166 13.28

ไม่เกิน 10,000 391 25.52

10,001 – 20,000 312 24.96

20,001 – 30,000 133 10.64

30,001 – 40,000 76 6.08

40,001 ขึ้นไป 98 7.84

ไม่ระบุ 146 11.68

รวม 1,250 100.00

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ก.ค. 2561 เวลา : 09:22:55
30-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 30, 2024, 1:35 am