พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่หันมานิยมซื้อนาฬิกาเพื่อสะสม และใส่เป็นแฟชั่นมากขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันผู้บริโภคมีนาฬิกาไว้ในครอบครองคนละไม่ต่ำกว่า 2-3 เรือน ซึ่งกลุ่มคนที่น่าจับตามองเป็นพิเศษสำหรับการซื้อนาฬิกาเพื่อการสะสม คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากมูลค่าของนาฬิกา โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นจะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่จึงหันมาสะสมนาฬิกา เพื่อการลงทุน
จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคพบว่า ทุก 3 ปี คนไทย 2 ล้านคน จะซื้อนาฬิกาใหม่ ซึ่งกลุ่มผู้ซื้อนาฬิกาโดยเฉพาะนาฬิกาหรูที่ใช้วัสดุราคาแพงผู้ผลิตจะปรับราคาขายเพิ่มขึ้น 10% ทุกๆ ปี ทำให้ปัจจุบันคนไทยหันมาซื้อนาฬิกาเพื่อสะสมมากขึ้น
สำหรับกลุ่มอายุที่ชอบซื้อนาฬิกาหรูสะสม เดิมทีจะเป็นกลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันผู้ซื้ออายุน้อยเหลือประมาณ 30 ปี ซึ่งนาฬิกาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ รูปแบบคลาสสิค ส่วนตลาดนาฬิกากลุ่มที่โตมาก คือ กลุ่มนาฬิกาแฟชั่น แต่กลุ่มนี้มีมูลค่าไม่มาก เมื่อเทียบกับรุ่นที่เป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น
ปัจจุบันตลาดนาฬิกามีการจำหน่ายสินค้าผ่านเทคโนโลยีกันมาขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียทำการตลาด เช่น เฟสบุ๊ค และมีการใช้เทคโนโลยี Big DATA นำฐานลูกค้ามาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ทำให้ทราบความต้องการ ซึ่งช่วยให้การเข้าถึงลูกค้าตรงกับความต้องการทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านและนักท่องเที่ยวจีนที่นิยมเข้ามาซื้อนาฬิกาหรูในประเทศไทย ภายหลังได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลเมีเดียอย่าง Weibo เพราะได้รับส่วนลดคืนภาษี 6% ซึ่งถือว่าคุ้มมาก
สำหรับเทรนด์นาฬิกาจากงานบาเซิลเวิลด์ และงานเอสไอเอชเอช ปีนี้ ประกอบด้วย 1.Classic Vintage 2.Smart Functional Watch 3.Complicated Lady Watch และ 4.Classic Complication ซึ่งทั้ง 4 เทรนด์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยได้เป็นอย่างดี
จากแนวโน้มการขยายตัวที่ดีดังกล่าว ห้างเซ็นทรัล จึงเล็งเห็นโอกาสในการกระตุ้นยอดขายแผนกนาฬิกา ด้วยการออกมาจัดงาน งาน ‘เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018’ (Central/ZEN International Watch Fair 2018) เพื่อรับอานิสงส์การขยายตัวของตลาดนาฬิกา
น.ส.ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า บริษัทใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท จัดงาน ‘เซ็นทรัล/เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2018’ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบ ใหม่ คุ้ม” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ “ครบ” ทุกเทรนด์และระดับราคา “ใหม่” คือ คอลเลกชั่นล่าสุดจาก 2 งานนาฬิการะดับโลกบาเซิลเวิลด์ และ งานเอสไอเอชเอช ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่จะมาถึงประเทศไทยในช่วงเวลานี้ พอดี และ “คุ้ม” ทุกการช้อปฯ นาฬิกาทุกเรือนจากงานนี้ จะได้รับข้อเสนอดีที่สุด คุ้มที่สุดในรอบปี กับทุกสิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับจากบัตรเครดิตชั้นนำ
นอกจากนี้ ห้างเซ็นทรัล ยังจะใช้กลยุทธ์ Target Marketing ทำการตลาดกระตุ้นยอดขายแผนกนาฬิกา ด้วยการมุ่งเน้นทำการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง ตามไลฟ์สไตล์หรือความสนใจเฉพาะของลูกค้า ผ่านการสื่อสารทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับในประเทศไทย ห้างเซ็นทรัล จะสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคผ่านสื่อทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1,200,000 คน, Instagram มากกว่า 55,000 คน และ Central's LINE Official Account กว่า 6 ล้านคน พร้อมด้วยบริการใหม่ล่าสุดที่ห้างเซ็นทรัลริเริ่มเป็นห้างแรกในประเทศไทย คือ Central on Demand ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น Central Chat & Shop โดยจะเริ่มใช้วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป เพื่อให้ลูกค้าช้อปปิ้งผ่านแอปพลิเคชั่นLINE ด้วยการแชทสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าในห้างเซ็นทรัลและเซนกับพนักงานได้โดยตรง เหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว
น.ส.ปิยะวรรณ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า บริษัทมีช่องทางการสื่อสารครอบคลุมทั้ง 360 องศา ไม่ว่าช่องทางไหน ลูกค้าก็รับรู้ข่าวสารได้ตลอดเวลา และสำหรับลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยและมีกำลังซื้อสูง ห้างเซ็นทรัลมีแอคเคาท์บนโซเชียลมีเดียชั้นนำของจีนอย่าง Weibo ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน และ ZENMegastore ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 8 หมื่นคน
เมื่อทราบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ห้างเซ็นทรัล ก็จะทำ Geo Marketing โดยการ Push Notification ตรงไปยังกลุ่มลูกค้า เพื่อสร้างการรับรู้ในช่วงเวลานั้น เชิญชวนเข้ามาใช้บริการที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม หรือสาขาในจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ลูกค้าชาวจีนเดินทางไปเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา บริษัทเชื่อว่าปีนี้ตลาดนาฬิกาจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และสามารถกระตุ้นยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน หรือประมาณ 500 ล้านบาท ถือว่าเติบโตมากกว่า GDP ประเทศ ซึ่งอยู่ที่ 3.4%
เหตุผลที่ทำให้ ห้างเซ็นทรัล มั่นใจว่า จะมียอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้มีด้วยกัน 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.คนไทยส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุน และสะสมเป็นหลัก เพราะนาฬิกาจะปรับมูลค่าขึ้นทุกปี ปีละ 10 % เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะแบรนด์ยอดนิยม จะใช้วัสดุที่มีคุณค่า เช่น ทอง เพชร ทองคำขาว ซึ่งราคาวัตถุดิบเหล่านี้ จะปรับราคาขึ้นตามราคาตลาด และมีมูลค่าสูง จึงทำให้นาฬิกามีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ 2 คือ การจัดงานนาฬิกาอย่างต่อเนื่องยาวนานตลอด 20 ปี มีฐานข้อมูลแน่น เนื่องจากห้างเซ็นทรัลจัดงานนาฬิกาต่อเนื่องมา 20 ปีแล้ว จึงทำให้มีความเชี่ยวชาญและชำนาญรู้ลึก รู้จริงเรื่องนาฬิกา เปรียบเสมือนเป็น Watch Guru ในธุรกิจค้าปลีก และการที่มี Big Data จากหมายเลขบัตร The1 จำนวน 14 ล้านคน ทำให้ห้างเซ็นทรัลรู้พฤติกรรมของลูกค้าว่าแต่ละคนชอบอะไร
สำหรับปัจจัยที่ 3 คือ การจัดงานใหญ่ที่อีเว้นต์ฮออล์ และแผนกนาฬิกา ในห้างเซ็นทรัลและเซน 22 สาขา ทั่วประเทศ เนื่องจากห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นที่รู้จักและเป็นแลนด์มาร์กของคนไทยและชาวต่างชาติ จึงทำให้สะดวกต่อการเดินทาง และง่ายต่อการพบเห็นสื่อต่างๆ ที่ประชาสัมพันธ์ไว้ทั่วห้างและบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ นาฬิกายังถูกกระจายไปยังแผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลและเซนทั้ง 22 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งหลายสาขาอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ
ข่าวเด่น