กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ขานรับนโยบายรัฐบาล ยกเลิกใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ในการขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการนวดหรือสปา เฉพาะผู้ที่เรียนจบใน 11 หลักสูตรกลาง โดยใช้เพียงบัตรประจำตัวประชาชน ใบรับรองแพทย์และรูปถ่าย เพื่อความสะดวก ลดขั้นตอน ประหยัดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยนำร่องที่ส่วนกลางก่อน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่ากรม สบส.ยกระดับความสะดวกในการขอขึ้นทะเบียนผู้ให้บริการในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เฉพาะผู้ที่จบใน 11 หลักสูตรกลางที่ผ่านการรับรองจากกรม สบส. โดยขอความร่วมมือ สถาบัน องค์กร หรือหน่วยงานที่เปิดสอนหลักสูตรธุรกิจบริการสุขภาพ 11 หลักสูตรกลางและผ่านการรับรองจากกรม สบส.แล้ว ต้องลงข้อมูลผู้ที่เรียนจบหลักสูตรในเว็บไซต์ spa.hss.moph.go.th เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับขึ้นทะเบียนฯ หากผู้ยื่นคำขอมีรายชื่อในฐานข้อมูลแล้ว ก็สามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ใบรับรองแพทย์ และรูปถ่าย 1 นิ้ว 2 ใบ ประกอบการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนฯที่กรม สบส. ได้ทันที ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ 11 หลักสูตรกลางประกอบด้วย หลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง นวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง ผู้ดำเนินการสปาเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมงผู้ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพ 500 ชั่วโมง การดูแลสุขภาพและความงามสตรีหลังเรือนไฟ 150 ชั่วโมง นวดไทยเพื่อสุขภาพสำหรับผู้พิการทางสายตา 255 ชั่วโมง นวดด้วยน้ำมันหอมระเหย 150 ชั่วโมง นวดสวีดิช 150 ชั่วโมง การบริการเพื่อความงาม 150 ชั่วโมง นวดไทยเพื่อสุขภาพ 100 ชั่วโมง ต่อยอด60/80ชั่วโมง (เทียบเท่าหลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง) หลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพขั้นสูง 600 ชั่วโมง และหลักสูตรอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนดเพิ่มเติม

ด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ไม่ได้จบใน 11 หลักสูตรกลาง แต่มีรายชื่อที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพว่าเป็นผู้ที่เรียนจบใน 765 หลักสูตรเดิมก่อนพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559มีผลบังคับใช้ (หลัง23ธ.ค.59) การยื่นคำขอขึ้นทะเบียนฯยังคงต้องใช้เอกสารตามเดิม ประกอบด้วย รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 ใบ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพที่ได้รับการรับรองจากกรม สบส. ใบรับรองแพทย์ และหลักฐานอื่นๆ เช่น ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล(ถ้ามี) เป็นต้น