ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต สทนช. เฝ้าระวังปริมาณน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์เพิ่มสูงขึ้นอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังแล้ว ส่วนเขื่อนแก่งกระจานและเขื่อนวชิราลงกรณแนวโน้มลดลง

นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำพบว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออกระดับน้ำเพิ่มขึ้น โดยต้องเฝ้าระวังลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงบริเวณที่แม่น้ำโขงสูงกว่าตลิ่ง แม่น้ำป่าสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และแม่น้ำปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีระดับน้ำน้อย ภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคใต้มีระดับปานกลางถึงน้ำมาก ซึ่งต้องเฝ้าระวังแม่น้ำเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี และแม่น้ำโขง ที่มีน้ำสูงกว่าตลิ่งที่จังหวัดนครพนม มุกดาหาร และอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี มีแนวโน้มสูงขึ้น และเฝ้าระวังบริเวณบึงกาฬ พร้อมทั้งยังเร่งระบายและพร่องน้ำต่อเนื่องออกจากเขื่อนที่มีปริมาณน้ำระดับน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve) และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุอ่าง อย่างเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณน้ำ 16,025 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 90 ของความจุอ่าง ระบายออกวันละ 24.92 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยวันนี้มีระดับเพิ่มสูงขึ้นจนอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังแล้ว เขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร ปริมาณน้ำ 573 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 110 ของความจุอ่าง ระบายออกวันละ 9.72 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ปริมาณน้ำ 758 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 107 ของความจุอ่าง มีน้ำล้นทางระบายน้ำ (Spillway) สูง 106 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง ระบายออกวันละ 15.22 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี ปริมาณน้ำ 8,296 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 94 ของความจุอ่าง ระบายออกวันละ 52.31 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ปริมาณน้ำ 194 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 87 ของความจุอ่าง ระบายออกวันละ 9.64 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้นสูง 108 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง และ เขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปริมาณน้ำ 319 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 81 ของความจุอ่าง ระบายออกวันละ 11.08 ล้านลูกบาศก์เมตร

รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำและพื้นที่เสี่ยงวันนี้ ว่า ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยมีพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมากใน 25 จังหวัด คือ ภาคเหนือ บริเวณเชียงราย น่าน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แม่ฮ่องสอน ตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ภาคตะวันตก บริเวณกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก บริเวณนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด โดยฝนสะสม 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังคงมีฝนตกปานกลางถึงหนักในภาคเหนือ ภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออก ภาคตะวันตก มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง