หลังจากสร้างฐานลูกค้าที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปเป็นที่แข็งแกร่ง ด้วยการมีสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มลูกค้าที่มีอายุอยู่ในอัตราส่วน 65% บริษัท แอมเวย์(ประเทศไทย) ก็มีแผนที่จะขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 35% ให้เพิ่มเป็น 50% เท่ากับกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ในอีก 5 ปีนับจากนี้
กลยุทธ์ที่ แอมเวย์ เลือกนำมาใช้ คือ การเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด และสินค้าตัวแรกที่ แอมเวย์ เลือกหยิบมาเป็นแม่เหล็กตัวแรก คือ เครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ หรือเครื่องดื่มให้พลังงานภายใต้แบรนด์ เอ็กซ์เอส ซีไร่ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศอเมริกา
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ ภายใต้แบรนด์ เอ็กซ์เอส ซีโร่ ได้ถือกำเนิดขึ้นในประเทศอเมริกา ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาดจนประสบความสำเร็จ แอมเวย์ในหลายๆประเทศก็ได้เริ่มนำสินค้าดังกล่าวเข้าไปทำตลาด และไทยถือเป็นประเทศที่ 56 และเป็นประเทศที่ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเครื่องดื่มดังกล่าวเข้ามาทำตลาดต่อจากมาเลเซีย
ปัจจุบันเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ เอ็กซ์เอส ซีโร่ มีรสชาติให้เลือกมากถึง 10 รสชาติ แต่สำหรับประเทศไทย แอมเวย์ เลือกเพียง 2 รสชาติที่คนไทยให้ความชื่นชอบเท่านั้นเข้ามาทำตลาด คือ รสกลิ่นทรอปิคอล-บลาสท์ ที่ผสมผสานความสดชื่นของผลไม้เมืองร้อนด้วยกลิ่นส้ม เสาวรส และสับปะรดได้อย่างลงตัว และรสกลิ่นแครนเบอรี่- เกรพ บลาสท์ ที่หอม
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ เอ็กซ์เอส ซีโร่ นั้น แอมเวย์ มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี เนื่องจากคนกลุ่มนี้ชอบความแปลกใหม่และความท้าทาย ดังนั้นการเปิดตัวเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ เอ็กซ์เอส ซีโร่ ในครั้งนี้ แอมเวย์ จึงมีความมั่นใจว่าน่าจะได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ ในรูปแบบไลฟ์สไตล์เครื่องดื่มแรกของประเทศไทย
นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่และคนวัยทำงานนิยมดื่มเอเนอร์จี้ ดริ๊งค์ มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่มักอยู่แค่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน จึงทำให้มูลค่าตลาดรวมของเอเนอร์จี้ ดริ๊งค์ มีอัตราการเติบโตไม่มากนัก คือ เฉลี่ยการเติบโตต่อปีอยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น และปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท
แต่สิ่งที่น่าจับตาและถือเป็นโอกาสของเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ๊งค์ เอ็กซ์เอส ซีโร่ คือ ตลาดเครื่องดื่มอเนอร์จี้ ดริ้งค์ ในกลุ่มพรีเมียม ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึงกว่า 10% เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเข้าสู่ตลาดกลุ่มนี้มากขึ้น และทำให้ตลาดกลุ่มนี้น่าจับตามอง
ทั้งนี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มดังกล่าว แอมเวย์ จึงพยายามปั้นเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ ภายใต้แบรนด์เอ็กซ์เอส ซีโร่ ให้มีความแอคทีฟ สดใหม่ เหมาะกับตลาดคนรุ่นใหม่ ด้วยการใช้กลยุทธ์การทำตลาดไปในสิ่งที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการตลาดในรูปแบบงานอีเวนต์ต่างๆ หรือการทำกิจกรรมผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
นายกิจธวัช กล่าวต่อว่า เอ็กซ์เอส ซีโร่ เป็นเครื่องดื่มที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่และคนที่แอคทีฟ ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย มั่นใจ และกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ โดยแบรนด์นี้ได้ก่อตั้งขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้ขยายตลาดออกไปทั่วโลก ทั้งออสเตรเลีย ยุโรป และ เอเชีย และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกันในประเทศไทย
จุดเด่นของเครื่องดื่มเอ็กซ์เอส ซีโร่ ที่ทำให้ แอมเวย์ มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในประเทศไทย คือ เป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแคลอรี่ 0% นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบี 1, 3, 5, 6, 12 และมีส่วนผสมของแอล-คาร์นิทีน แตกต่างจากท้องตลาด ซึ่งเบื้องต้นของการทำตลาด แอมเวย์ ได้ทำการเปิดตัวด้วย 2 รสชาติที่ขายดีที่สุดทั่วโลกคือ กลิ่นทรอปิคอล-บลาสท์ ที่ผสมผสานความสดชื่นของผลไม้เมืองร้อนด้วยกลิ่นส้ม เสาวรส และสับปะรดได้อย่างลงตัว และกลิ่นแครนเบอรี่- เกรพ บลาสท์ ที่หอมกลิ่นแครนเบอร์รี่ผสมองุ่น เปรี้ยวหวาน โดนใจ ทั้งยังรับประกันความพอใจให้กับผู้บริโภคด้วย
สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ แอมเวย์ นำมาใช้กับเครื่องดื่มเอ็กซ์เอส ซีโร่ คือ การเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนที่แอคทีฟภายใต้แนวคิด “XSperience More ท้าให้คุณทำได้มากกว่าที่คิด” เน้นกิจกรรมการตลาดและการสื่อสารที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ อาทิ โปรแกรมที่เน้นการสร้างคอมมูนิตี้ ทั้งในส่วนของออนไลน์และออนกราวด์ ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ดนตรี และการผจญภัย
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียที่จะโปรโมทตลอดทั้งปี โดยทั้งหมดนี้ แอมเวย์ ได้เตรียมงบประมาณไว้ทำการตลาดทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท ส่วนของช่องทางจำหน่าย แอมเวย์ ยังคงเน้นการขายผ่านเครือข่ายและสมาชิกของแอมเวย์เป็นหลัก เนื่องจากทำธุรกิจขายตรง จึงจะต้องเน้นการจำหน่ายในช่องทางดังกล่าว ซึ่งแนวทางการทำตลาดดังกล่าว แอมเวย์ มั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดี เนื่องจากปัจจุบันมีเครือข่ายแอมเวย์อยู่ที่ 3.3 แสนราย และมีสมาชิกแอมเวย์ทั่วประเทศมากถึง 7 แสนราย
จากแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าว แอมเวย์ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างยอดขายให้กับเครื่องดื่ม เอ็กซ์เอส ซีไร่ ได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และในปี 2562 คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีก เนื่องจาก แอมเวย์ มีแผนที่จะนำสินค้ารสชาติใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม
ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ ของไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 3% ซึ่งในมูลค่าดังกล่าวแบ่งเป็นตลาดเครื่องดื่มเอเนอร์จี้ ดริ้งค์ระดับพรีเมียมประมาณ 4% หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยในส่วนของแบรนด์เอ็กซ์เอส ซีโร่ เข้าไปทำตลาดดังกล่าว
นายกิจธวัช กล่าวปิดท้ายว่า หลังจากเปิดตัวสินค้าดังกล่าวเข้าทำตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปีไประยะหนึ่ง ในอีก 2-3 เดือนนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เพิ่มเติม เนื่องจากในอีก 5 ปีนับจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เพิ่มเป็น 50% เท่ากับกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุมากกว่า 35 ปี
ข่าวเด่น