หลังจากตลาดเบียร์ในประเทศไทยเติบโตชะลอตัว บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาปรับกลยุทธ์ธุรกิจเบียร์ทันที ด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้น เห็นได้จากการเข้าไปซื้อกิจการในธุรกิจเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการเข้าไปขยายกำลังการผลิตในกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อหารายได้เสริมตลาดในประเทศที่ขณะนี้ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว

สำหรับธุรกิจที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ได้เข้าไปซื้อกิจการเป็นที่เรียบร้อย เพื่อปูฐานธุรกิจใน CLMV ตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย การเข้าซื้อหุ้นในบริษัท ซาเบโก ของเวียดนาม ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ของประเทศเวียดนาม ดีลนี้ถือเป็นการลงทุนที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดดีลหนึ่ง เนื่องจากเม็ดเงินที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ นำเข้าไปลงทุนมีมูลค่าสูงกว่า 156,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้  บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ยังได้เข้าไปถือหุ้น 75% ในกลุ่มของแกรนด์รอยัลกรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายสุรารายใหญ่ของประเทศเมียนมา ภายใต้ชื่อแกรนด์รอยัลวิสกี้ ซึ่งหลังจากเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว บริษัท  ไทยเบฟเวอรเรจ ยังได้มีการใช้งบลงทุน  56 ล้านเหรียญสหรัฐ  หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท  ในการขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในประเทศเมียนมา  เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก  50 ล้านลิตร เป็น 120 ล้านลิตร

อีกหนึ่งการลงทุนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา คือ  การเข้าไปลงทุนในประเทศจีน  ด้วยการให้บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้ง (ไชน่า) จำกัด จับมือกับบริษัท เอเชียยูโร ไวน์ส แอนด์ สปิริตส์ (เซินเจิ้น) จำกัด ตั้งบริษัทร่วมทุน เอเชียยูโร อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ (กวางตุ้ง) จำกัด  ด้วยทุนจดทะเบียน  50.2 ล้านหยวน  หรือประมาณ 250 ล้านบาท  เพื่อนำเข้ากลุ่มสินค้าสุราระดับพรีเมียมเข้าไปทำตลาดในประเทศจีน  ซึ่งการลงทุนดังกล่าว  บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจฯ  ได้เข้าไปถือหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 51%  

หลังจากปูฐานธุรกิจไว้เรียบร้อย ล่าสุดบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ได้ออกมาประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจเบียร์ใหม่ทั้งหมด  เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  โดย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี  จะเข้ามาบริหารและดูแลเองธุรกิจเบียร์ด้วยตัวเองในตำแหน่ง ชีฟเบียร์ (Chief Beer) เพื่อให้ธุรกิจเบียร์สามารถเดินหน้าไปตามยุทธศาสตร์ปี 2020 ที่วางไว้ได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้   

พร้อมกันนี้  ยังได้มีการแต่งตั้งนายโฆษิต สุขสิงห์ เป็นรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง จากเดิมที่มีนายเอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน เป็นผู้บริหารเบียร์ ล่าสุดไปดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า ส่วนนายเบนเนท เนียว เป็นกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไซ่ง่อนเบียร์-แอลกอฮอล์-เบฟเวอเรจ จ๊อยซ์สต๊อก คอร์ปอเรชั่น หรือซาเบโก้   

การออกมาปรับโครงสร้างธุรกิจเบียร์ในครั้งนี้ ปัจจัยหลักก็เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  มีการใช้งบลงทุนขยายธุรกิจในตลาดประเทศไปมากกว่า 1 แสนล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัท  ไทยเบฟเวอเรจ มีหนี้สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท 

จากปัญหาหนี้สิ้นที่มีเป็นจำนวนมากดังกล่าว  ตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา  บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  ได้มีการออกหุ้นกู้ไป 2 ครั้ง คือ เดือน มี.ค. ประมาณ 50,000 ล้านบาท และเดือน ก.ย. ออกหุ้นกู้ไปอีกประมาณ   77,000 ล้านบาท  เพื่อนำไปลงทุนและชำระหนี้สินในบางส่วน  

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยุทธศาสตร์หลักตอนนี้  บริษัทยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดในประเทศไทย  และตลาดอาเซียนควบคู่กันไป  โดยตลาดที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ เมียนมา  และเวียดนาม   เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่  โดยในส่วนของประเทศเวียดนามประชากรมีการดื่มเบียร์มากกว่า 44 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่เมียนมา บริโภคอยู่ที่ 7.5 ลิตรต่อคนต่อปี  จึงทำให้มีโอกาสเข้าไปขยายธุรกิจได้อีกมาก  ส่วนตลาดในประเทศไทยที่ขณะนี้อยู่ในภาวะชะลอตัวมีอัตราการบริโภคเบียร์อยู่ที่ประมาณ  26 ลิตรต่อคนต่อปี

แนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มั่นใจว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์ในอาเซียนได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่แล้วที่ประมาณ  24%  หลังจากควบรวมกิจการกับ ซาเบโก  ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีควบกิจการดังกล่าว บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มรส่วนแบ่งการตลาดในอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 8%  เท่านั้น  และจากแผนการขยายธุรกิจที่เน้นเจาะตลาดใหญ่ในอาเซียนเป็นหลัก บริษัท ไทยเบฟเวเรจ มั่นใจว่า  จะเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในอาเซียนแล้วเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน

นอกจากจะพาธุรกิจแอลกอฮอล์ผงาดในตลาดอาเซียน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ยังมีแผนที่จะส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปบุกตลาดเอเชีย  ด้วยการใช้สุราขาวภายใต้แบรนด์ “รวงข้าว” เข้าไปทำตลาดในประเทสเกาหลีใต้และเวียดนาม  โดยในปีที่ผ่านมาบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ สามารถทำยอดขายสินค้าดังกล่าวได้สูงกว่า 1 ล้านลิตร  ซึ่งในส่วนของสุราภายใต้แบรนด์ รวงข้าว นั้น บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ได้มีการพัฒนาให้เป็นสินค้าพรีเมียมและมีภาพลักษณ์ที่สดใหม่ เพื่อเหมาะกับตลาดส่งออก

ทั้งนี้  “รวงข้าว ซิลเวอร์”  เป็นสุราที่มีลักษณะและรสชาติคล้ายดับโซจู  เครื่องดื่มของเกาหลีใต้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลีใต้  ที่ผ่านมาได้มีการโฆษณาสินค้าผ่านอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหารการกินชื่อดัง ‘ยางซูบิน’ เพื่อโปรโมตสินค้าให้เป็นที่รู้จัก  และในเร็วๆ นี้จะมีการปรับขนาดสินค้าจากเดิม  700 มิลลิลิตร เปลี่ยนเป็น  300-350 มิลลิลิตร  เพื่อให้จำหน่ายได้ง่ายขึ้น