การตลาด
สกู๊ป "คิงส์แพ็ค"กางแผน 5 ปี เป็น "ผู้นำตลาดถุงขยะ" กวาดรายได้ 5,000 ล้าน


หลังจากภาครัฐออกมาประกาศแนวคิดเสนอให้ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีกรายใหญ่ เรียกเก็บเงินจากการขอใช้ถุงพลาสติกจากลูกค้าใบละ 1-2 บาท ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ที่ลูกค้าจะต้องเสียเงินซื้อถุงพลาสติกเพิ่มหากต้องการใช้ไว้ใส่ของที่ซื้อ เพราะต้องการกระตุ้นให้ประชาชนลดการใช้ถุงพลาสติก ด้วยการเตรียมตะกร้า กระเป๋า หรือถุงผ้า ก่อนไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าแทนนั้น ได้สร้างผลกระทบให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตถึงพลาสติกพอสมควร เพราะจากแนวคิดดังกล่าวจะทำให้ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกลดลงทันที


อย่างไรก็ดี แม้ว่าปริมาณการใช้ถุงพลาสติกจะลดลง แต่ในด้านของถุงขยะมีการคาดการณ์ว่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับการใช้ถุงขยะในการจัดเก็บขยะกันมากขึ้น เห็นได้จากอัตราการเติบโตในปัจจุบันที่ตลาดถุงขยะมีการขยายตัวสูงถึง 30% ขณะที่ตลาดถุงพลาสติกทั่วไปมีอัตราการเติบโตเพียง 10% เท่านั้น
 

 
 
 
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ภายใต้แบรนด์ ฮีโร่ (HERO) เล็งเห็นโอกาส ในการเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทถุงขยะ และถุงพลาสติกอเนกประสงค์อื่นๆ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น จากเดิมจะเน้นผลิตสินค้าให้กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในรูปแบบเฮ้าส์แบรนด์เป็นหลัก

ปัจจุบัน แบรนด์ผลิตภัณฑ์ฮีโร่ มีสินค้านวัตกรรมเตรียมวางจำหน่ายทั่วประเทศอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1. สินค้าในกลุ่ม Keep Home Clean  คือ ถุงขยะ HERO ECO 2. สินค้าในกลุ่ม Keep Food  Fresh มีสองผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ  ถุงพลาสติกเก็บน้ำนมแม่ เพื่อตอบรับแนวโน้มสังคมนมแม่ ช่วยส่งเสริมครอบครัวในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และถุงพลาสติกผลิตน้ำแข็ง เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้นในการใช้ชีวิต โดยสามารถใช้ถุงพลาสติกฮีโร่ ทำน้ำแข็งใช้บริโภคในครัวเรือน แทนกล่องทำน้ำแข็งก้อนเล็กในตู้เย็นซึ่งทำน้ำแข็งได้ในปริมาณน้อย  ทั้งยังสะดวกหากต้องการพกพาน้ำแข็งทำเองสำหรับใส่กล่องเก็บความเย็น หรือปิกนิกนอกบ้านหรือเดินทางท่องเที่ยว และ 3. สินค้าในกลุ่ม Keep Item Safe คือ ถุงหิ้วช้อปปิ้งที่ย่อยสลายได้ 

 
 
 
 
นายทวี จูลศักดิ์ศรีสกุล กรรมการ บริษัท คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอีก 5 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดประเทศไทยบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการขยายช่องทางการทำตลาดใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาดในปีนี้ คือ ถุงพลาสติกเก็บน้ำนมแม่ เพื่อรับแนวโน้มสังคมนมแม่ และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้เปิดตัวเข้ามาทำตลาด คือ ถุงพลาสติกน้ำแข็ง ซึ่งในส่วนของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวบริษัทได้ออกแบบมาเพื่อความสะดวกของลูกค้า

นอกจากนี้ บริษัท คิงส์แพ็คฯ ยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยบนพื้นที่ 400 ไร่ ในย่านถนนบางนา-ตราด เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต เนื่องจากนับจากนี้ไปบริษัท คิงส์แพ็คฯ จะให้ความสำคัญกับการรุกทำตลาดในประเทศมากขึ้น เพื่อให้อีก 5 ปีนับจากนี้ มีสัดส่วนรายได้มาจากตลาดในประเทศอยู่ที่ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 35%

เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเฟสแรกได้ภายในต้นปี 2562 ภายใต้งบทุน 500-1,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากก่อสร้างคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 18 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ หรือประมาณกลางปี 2563  จึงจะเริ่มทำการผลิตสินค้าได้  โดยโรงงานแห่งดังกล่าวคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 25% หรือประมาณ 2,500 ตันต่อเดือน ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นตันต่อเดือน

นายทวี กล่าวว่า เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาซื้อถึงภายใต้แบรนด์ฮีโร่มากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวแคมเปญแจกทอง 5,000 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาทให้กับลูกค้าที่ซื้อถุงฮีโร่ไปใช้ เพื่อกระตุ้นยอดขายไตรมาส 4 ให้เติบโตมากขึ้น หลังจากบริษัทมีแผนพัฒนาสินค้าใหม่ๆเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัจจุบันมีสินค้ามีความหลากหลาย
 
 
 
 

 
 
 
 
นอกจากจะให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทยแล้ว บริษัท คิงส์แพ็คฯ ยังจะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศอีกด้วย โดยขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ของโลกอีกประมาณ 2-3 ราย เพื่อผลิตถุงพลาสติกให้ ขณะเดียวกันยังมีแนวคิดที่จะสร้างโรงงานผลิตถึงในประเทศกัมพูชา เพื่อรองรับการส่งออกในตลาดอาเซียน ยุโรป และญี่ปุ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทำเลเบื้องต้นมองไว้ที่ 10 ไร่ ใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งหากหาทำเลที่เหมาะสมได้ บริษัทคิงส์แพ็คฯ คาดการณ์ว่าจะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้ในอีก 5 ปีนับจากนี้

หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง บริษัท คิงส์แพ็คฯ คาดว่าสิ้นปี 2561 นี้ จะมีรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท ในสิ้นปี 2562 ซึ่งหากการขยายโรงงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในอีก 3 ปีนับจากนี้จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้อีก 5 ปีมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท 

ปัจจุบัน ตลาดถุงพลาสติกโดยรวมในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท เติบโตประมาณ 10% ในมูลค่าดังกล่าว แบ่งเป็นตลาดถุงขยะประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ตลาดนี้มีอัตราการเติบโต 30% ถือเป็นการเติบโตที่สูง ซึ่งจากการขยายตัวที่ดีของตลาดถุงพลาสติก บริษัท คิงส์แพ็คฯ จึงเล็งเห็นโอกาสในการรุกเข้ามาทำตลาดถุงพลาสติกในประเทศ เพื่อผลักดันให้มีสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย 50% และต่างประเทศ 50% นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าปี 2562 จะมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดถุงขยะเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันมีอยู่ที่ 5%

นายทวี กล่าวปิดท้ายว่า ฮีโร่ ถือเป็นแบรนด์ถุงพลาสติกที่บริษัทผลิตเพื่อการส่งออกเป็นส่วนใหญ่ โดยมีตลาดหลัก คือ กลุ่มประเทศในยุโรปและอเมริกา จึงทำให้เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานสินค้า  ปัจจุบันบริษัทได้เริ่มเปิดตลาดสินค้าแบรนด์ฮีโร่ในประเทศไทยผ่านช่องทางการจำหน่ายโมเดิร์นเทรดชั้นนำและร้านค้าทั่วประเทศ โดยจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกันกับที่ผลิตเพื่อส่งออก เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก ซึ่งการันตีด้วย รางวัลอันดับ 1 อาเซียน พลาสติก อวอร์ด 2018   
 

LastUpdate 28/10/2561 17:46:03 โดย : Admin
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 9:52 pm