กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งสำหรับตลาดหนังไทย หลังจากเติบโตลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จากเดิมประเทศไทยเคยสร้างหนังไทยเข้าฉายปีละไม่ต่ำกว่า 100 เรื่อง ปัจจุบันปรับลดลงเหลือไม่ถึง 50 เรื่อง ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหนังไทยเติบโตลดลง เป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจหนังต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากคุณภาพการสร้างดีกว่าเมื่อเทียบกับหนังไทย
อย่างไรก็ดี จากการที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงหนังเริ่มหันมาให้ความสนใจขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะค่ายเมเจอร์ ส่งผลให้หนังไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะเดินหน้าขยายโรงหนังในตลาดต่างจังหวัด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับจังหวัดแล้ว ปัจจุบันค่ายเมเจอร์ยังเริ่มบุกเข้าไปถึงระดับอำเภอและตำบล เนื่องจากยังมีโอกาสให้เข้าไปขยายสาขาได้อีกมาก
ปัจจุบันจากค่าย เมเจอร์ มีจำนวนโรงหนังที่เปิดให้บริการทั้งหมด 160 สาขา รวม 771 โรง 176,435 ที่นั่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯและปริมณฑล 43 สาขา 349 โรง 79,003 ที่นั่ง ต่างจังหวัด 110 สาขา 384 โรง 89,402 ที่นั่ง และต่างประเทศ 7 สาขา 37 โรง 8,030 ที่นั่ง โดยในส่วนของปี 2561 นี้ได้ทำการขยายโรงภาพยนตร์ไปทั้งหมด 96 สาขา เป็นสาขาในต่างประเทศ 2 สาขา คือ ที่ศูนย์การค้าอิออน มอลล์ 2 กัมพูชา และที่ ITEC Mall เวียงจันทร์ ลาว
สำหรับในปี 2562 ที่จะถึงนี้ ค่ายเมเจอร์ มีแผนที่จะขยายโรงหนังเพิ่มอีก 74 สาขา เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 700-800 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมา เนื่องจากการขยายสาขาส่วนใหญ่จะเปิดในต่างจังหวัดคิดเป็นอัตราส่วน 70% ในกรุงเทพฯและปริมณฑล 30% นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดเพิ่มในตลาดต่างประเทศอีก 2 สาขา คือ ลาว 1 สาขา และกัมพูชาอีก 1 สาขา
การขยายโรงหนังที่เพิ่มขึ้นในจำนวนดังกล่าว ถือเป็นการเดินตามนโยบายที่ค่ายเมเจอร์ ได้เคยประกาศไว้ว่าภายในปี 2020 หรือประมาณปี 2563 จะต้องมีโรงหนังเปิดให้บริการทั่วประเทศไทยและอาเซียนไม่ต่ำกว่า 1,000 โรง จากปัจจุบันทำได้แล้วประมาณ 771 โรง
นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การขยายจำนวนโรงหนังที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการรองรับการเติบโตของตลาดหนังไทยที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัดที่ส่วนใหญ่ยังมีความชื่นชอบที่จะดูหนังไทย ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันผู้ผลิตหนังเริ่มให้ความสนใจสร้างหนังไทยกันมากขึ้น เพื่อเจาะลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด
ทั้งนี้ เห็นได้จากจำนวนหนังไทยที่เข้าฉายในปีนี้ที่มีมากถึง 43 เรื่อง และปี 2562 คาดว่าจะปรับเพิ่มเป็น 50 เรื่อง ในจำนวนดังกล่าวเป็นหนังไทยที่ผลิตในเครือเมเจอร์ 20 เรื่อง ซึ่งจากความต้องการที่มีอยู่ดังกล่าว ทำให้ค่ายเมเจอร์เล็งเห็นโอกาส ด้วยการให้ความสำคัญกับการขยายโรงภาพยนตร์ในตลาดเทียร์ 2 หรือตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อผลักดันให้ตลาดหนังไทยให้มีสัดส่วนที่ 60% ให้เท่ากับประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น ที่มีสัดส่วนหนังของประเทศตัวเองที่ 60% ให้ได้ในอนาคต เนื่องจากคนต่างจังหวัดยังมีความต้องการที่จะดูหนังไทย ซึ่งปัจจุบันค่ายเมเจอร์สามารถขยายโรงหนังในตลาดต่างจังหวัดให้มีสัดส่วนอยู่ที่ 50%
จากตัวเลขหนังไทยที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 50 เรื่องในปี 2562 ค่ายเมเจอร์ คาดว่า จะเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งของตลาดของหนังไทยให้เพิ่มขึ้นเป็น 35-40% ได้อย่างแน่นอน จากปัจจุบัน สัดส่วนหนังไทยมีเพียง 25-30% เท่านั้น โดยโมเดลที่ใช้หนังโลคอลเป็นตัวขับเคลื่อนนั้น สัดส่วนของหนังโลคอลจะต้องมีประมาณ 60% เหมือนในหลายประเทศ คือ การมีจำนวนโรงหนังในตลาดต่างจังหวัดให้ได้มากที่สุด
ส่วนภาพรวมของธุรกิจโรงหนังค่ายเมเจอร์เชื่อว่า จะยังขยายตัวต่อไปได้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีสื่อดิจิทัลเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะจากตัวเลขผลประกอบการของอุตสาหกรรมหนังในตลาดโลกยังไม่ได้แสดงผลออกมาว่าธุรกิจโรงหนังถูก Digital Disruption เห็นได้จากตัวเลขของตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาในปี 2561 นี้ที่ยังมีอัตราการเติบโตสูงถึง 10% เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยมีรายได้จากการฉายหนังในโรงหนังมากกว่า 11,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 4 ปีซ้อน
ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมหนังในสหรัฐอเมริกาและแคนนาดายังเติบโตดีอยู่ ส่วหนึ่งมาจากรายได้ของหนังที่เข้าฉายระหว่างไตรมาส 3 ของทุกปี ซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่กลับมีหนังที่ทำรายได้อย่างโดดเด่น เช่น แบล็ค แพนเธอร์ ,เวน่อม และอะ สตาร์ อีส บอร์น เป็นต้น จากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ทำให้นักวิจัยหลายๆ สำนักออกมาคาดการณ์ว่าภาพรวมรายได้ของอุตสาหกรรมหนังในสหรัฐอเมริกาและแคนนาดาน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้จากอุตสาหกรรมหนังทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับประเทศไทยในปี 2562 คาดว่าจะมีหนังเข้าฉายทั้งหมด 320 เรื่อง เป็นหนังต่างประเทศ 270 เรื่อง และหนังไทย 50 เรื่อง โดยหนังที่คาดว่าจะทำเงินในปีหน้า คือ Avengers 4, Captain Marvel, Spider Man: Far From Home, Hobbs and Shaw และ Aladdin
หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องค่ายเมเจอร์คาดว่า จะมีรายได้อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5-10% ส่วนของภาพรวมอุตสาหกรรมหนังในสิ้นปี 2561 นี้คาดว่า จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท หรือมียอดขายตั๋วหนังอยู่ที่ประมาณ 32 ล้านใบ เติบโตจากปีที่ผ่านมา 5-6%
ข่าวเด่น