หลังจากเวียดนามได้ทำการเปิดประเทศและพยายามเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้า กับนานาประเทศทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในกลุ่มเอเปค หรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ( Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) หรือการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรใน CPTPP (Comprehensive and Progressive Trans-pacific Partnership) หรือ การลงนามความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นประเทศเนื้อหอมสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งไทยก็ถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่ได้เข้าไปขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม
จากอานิสงส์การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศเวียดนามมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 6% เช่นเดียวกับปี 2561 และปี 2562 ที่คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 6.6.-6.8%
แนวโน้มที่ดีดังกล่าว ทำให้บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ในประเทศเวียดนามที่เข้าไปขยายธุรกิจนานถึง 25 ปี เล็งเห็นโอกาสการขยายตัวของธุรกิจในประเทศเวียดนามภายใต้การดูแลของบริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น จำกัด ต้องหันมาเร่งขยายธุรกิจอาหารในประเทศเวียดนามมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และประชากรในประเทศเวียดนามที่มีมากถึง 97% ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวและต้องการอาหารในการบริโภคมากกว่าครึ่งหนึ่ง
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาขยายธุรกิจอาหารในประเทศเวียดนามมากขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันรายได้หลักมาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจฟาร์ม ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจอาหารคน โดยในส่วนของธุรกิจอาหารคนปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 7% เท่านั้น เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่ในประเทศเวียดนามส่วนใหญ่เน้นทำตลาดในประเทศเป็นหลัก
หลังจากปูฐานธุรกิจอาหารคนในประเทศเวียดนามไว้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการขึ้นเป็นผู้นำในตลาดไก่แปรรูปและไส้กรอกได้สำเร็จแล้ว ในปี 2562 บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น มีแผนที่จะลงทุนขยายโรงงานผลิตอาหารเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของปีหน้าคาดว่าจะได้เห็นในส่วนของโรงงานแปรรูปไก่ และโรงงานแปรรูปหมูแห่งใหม่ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากในปีหน้ามีแผนที่จะนำกลุ่มสินค้าอาหารสำหรับคนเข้าไปทำตลาดนอกประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มประเทศที่เล็งไว้ว่าจะส่งออกสินค้าอาหารคนเข้าไปทำตลาด คือ ตลาดเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ในส่วนของตลาดในประเทศก็มีแผนที่จะพัฒนาสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในประเทศเวียดนาม ที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายในการบริโภคอาหารมากขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะขยายร้านห้าดาวในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการด้วยกัน 650 สาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ปี 2562 คาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น 800 สาขา นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายร้านซีพีเฟรชมาร์ทเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 สาขา บนพื้นที่ประมาณ 50-60 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 5-8 แสนบาท โดยบริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่น จะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด
พร้อมกันนี้ในส่วนของธุรกิจฟาร์ม ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มากที่สุด บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ก็มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดการส่งออกกุ้งในประเทศเวียดนามให้ได้ไม่ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2568
นายมนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนามคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลเวียดนามออกมาประกาศว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ในการส่งออกกุ้งของโลกภายในปี 2525 หรือปี 2568 ด้วยการมีปริมาณกุ้งในประเทศส่งออกไปทำตลาดในต่างประเทศประมาณ 1 ล้านตัน จากปัจจุบันอยู่อันดับ 3 ด้วยการมีปริมาณการส่งออกกุ้งไปทำตลาดในต่างประเทศ 3.3 แสนตันต่อปี ส่วนอันดับ 2 เป็นของประเทศอินเดียมีปริมาณการส่งออกกุ้งอยู่ที่ประมาณ 6 แสนตันต่อปี บริษัทเล็งเห็นโอกาสที่จะเข้าไปชิงส่วนแบ่งทางการตลาดการส่งออกกุ้งของประเทศเวียดนาม ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว เนื่องจากบริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ถือเป็นหนึ่งในคีย์หลักสำคัญของประเทศเวียดนามในการส่งออกกุ้งไปทำตลาดในต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น มีกำลังการผลิตกุ้งอยู่ที่ประมาณ 3 แสนตันต่อปี และในปี 2562 จะเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปอีกประมาณ 2 แสนตันต่อปี เพื่อรองรับการขยายตลาดการส่งออกกุ้งของประเทศเวียดนาม โดยภายในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดการส่งออกกุ้งของเวียดนามได้ประมาณ 5 แสนตันต่อปี จากเป้าการส่งออกกุ้งทั้งหมดของเวียดนาม 1 ล้านตันต่อปี
นายมนตรี กล่าวว่า เดิมที่การทำธุรกิจอาหารคนบริษัทจะเน้นเพื่อทำตลาดในประเทศเท่านั้น แต่หลังจากเวียดนามได้ลงนามความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (CPTPP)เพื่อขยายการค้าในต่างประเทศ บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าวในการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ด้วยการใช้ฐานผลิตที่ประเทศเวียดนามในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ข่าวเด่น