การตลาด
สกู๊ป"กิฟฟารีน"รุกหนักสกินแคร์ดึง"อั้ม"สร้างแบรนด์ปั้นรายได้โต


"กิฟฟารีน" ดึง"อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ"นางเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ"กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม" ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด"The Superstar’s Secret"ทุ่มงบการตลาดปีนี้200ล้านบาท


นับวันตลาดสกินแคร์ในประเทศไทยจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้นจากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าตลาดเครื่องสำอางไทยในปี2561ที่ผ่านมามีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.76 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดเครื่องสำอางในประเทศประมาณ1.81แสนล้านบาท เติบโต7.7% ขณะที่ตลาดส่งออกเครื่องสำอางมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ95,000ล้านบาท เติบโต14.4%

จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีดังกล่าวประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคมีการเปิดใจทดลองสินค้าใหม่ๆมากขึ้น จึงทำให้หลายบริษัทหันมาให้ความสนใจผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องสำอางเข้ามาทำตลาด เช่นเดียวกับบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ที่ล่าสุดอออกมาเปิดตัวลิตภัณฑ์“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”เข้าทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคที่ต้องการดูแลผิวของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอ

 
 
 
 
แพทย์หญิงนลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัทกิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทมีแผนกระตุ้นยอดขายกลุ่มสินค้าสกินแคร์ให้เพิ่มขึ้น โดยการเลือกผลิตภัณฑ์“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”เข้ามาทำตลาด ซึ่งก่อนที่จะนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดบริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าดังกล่าวมานานกว่า1ปี หลังจากนั้นก็ได้มีการทดลองทำตลาดในวงแคบและเริ่มนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายให้กับนักธุรกิจและสมาชิกของกิฟฟารีนได้ทดลองใช้ ซึ่งหลังจากทดลองทำการตลาดมากว่า5เดือนพบว่าลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี

ปัจจัยที่ทำให้“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคปัจจัยหลักน่าจะมาจากคุณภาพของสินค้าเนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงผิวหน้าก่อนการบำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ซึ่งจากคุณสมบัติของไฮยาลูรอนบริสุทธิ์จากธรรมชาติ100%จากประเทศเยอรมนี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันEcocertที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จึงทำให้“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ได้ผลการตอบรับที่ดี

แพทย์หญิงนลินี กล่าวอีกว่าก่อนหน้าที่จะนำสินค้าออกมาจำหน่ายบริษัทได้ทำการทดสอบกับอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการอายุระหว่าง 25-50 ปี จำนวน 38 คน โดยใช้ผลิตภัณฑ์“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ซึ่ง 100% ของอาสาสมัครที่เข้าร่วมพบว่าผู้ใช้มีผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์และ71.06%ผิวหน้าเรียบเนียนมากขึ้นภายใน4สัปดาห์

ด้านนายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาดบริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด กล่าวว่า “กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ถือเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินแคร์ที่ขายดีและมียอดผู้ซื้อซ้ำเป็นจำนวนมาก โดยหลังจากเริ่มนำสินค้าเข้าจำหน่ายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า120,000ขวด

 
 
 
 
อย่างไรก็ดีเพื่อให้“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”เป็นที่รู้จักมากขึ้น ล่าสุดกิฟฟารีนได้ใช้งบ60ล้านบาท เพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ นักธุรกิจกิฟฟารีนและกลุ่มลูกค้าทุกช่วงวัยที่ต้องการมีผิวหน้าชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์

นอกจากนี้กิฟฟารีนยังได้มีการดึงคุณอั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ นางเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ “กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด"The Superstar’s Secret”ภายใต้คอนเซปต์ เพราะ‘อั้ม’จะเลือกแต่สิ่งดีๆให้ตัวเองเสมอ

ขณะเดียวกันกิฟฟารีนยังมีแผนที่จะทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นFacebook: giffarineofficial หรือLine: @giffarinethailandพร้อมต่อยอดด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบของโปรโมชั่น เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว กิฟฟารีนคาดหวังว่าหลังจากนี้ไปจะมียอดขาย“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”เพิ่มขึ้นเดือนละไม่ต่ำกว่า 3 แสนขวด

 
 
 
 
 
หลังจากเปิดตัว“กิฟฟารีน ไฮยา อินเทนซีฟ ไวท์เทนนิ่ง พรี-ซีรั่ม”เข้ามาทำตลาด กิฟฟารีนยังมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มสกินแคร์เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมอีกประมาณ10รายการ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาคาดว่าเร็วๆนี้น่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวเข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการ พร้อมทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องภายใต้งบการตลาดรวมในปีนี้ที่ประมาณ200ล้านบาท

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาทำตลาดแล้วกิฟฟารีนยังจะใช้งบอีกประมาณ 100 ล้านบาท ในการสร้างสำนักงานขายแห่งใหม่เพิ่มอีก2แห่งที่จังหวัดเชียงรายและหนองคาย จากปัจจุบันมี106แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าให้กับนักธุรกิจและสมาชิกของกิฟฟารีน เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานยังมีจุดอ่อนในด้านของการจัดส่งสินค้า

ส่วนแผนการทำตลาดในต่างประเทศนั้นกิฟฟารีนก็จะให้ความสำคัญเช่นกันด้วยการเน้นทำการตลาดในกลุ่มประเทศเดิมที่ได้ทำการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดบ้างแล้วจำนวน 6 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีนเพราะเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นจำนวนมากและผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบสินค้าไทย

สำหรับการจะนำสินค้าไปจำหน่ายในประเทศใหม่ๆนั้น ขณะนี้กิฟฟารีนยังไม่ได้ข้อสรุปเนื่องจากการนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในแต่ละประเทศจะต้องได้รับการอนุญาตจากหลายหน่วยงาน จึงทำให้ต้องมีการเตรียมเอกสารเพื่อขออนุญาตนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายจำนวนมาก 

หลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง กิฟฟารีนคาดว่าสิ้นปี2562นี้น่าจะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 3-5%จากปี 2561ที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ประมาณ4,810 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ภายในประเทศประมาณ 4,510 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดต่างประเทศ 300 ล้านบาท โดยในส่วนของรายได้ต่างประเทศถือว่าเติบโตสูงเพราะปี2560มีรายได้เพียง 200 ล้านบาท

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 มี.ค. 2562 เวลา : 22:50:03
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 10:07 am